ข้อเท็จจริง วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงต้องการไขมันและแร่ธาตุในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ร่างกายเราสามารถเก็บสะสมวิตามินเอได้ จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานทดแทนทุกวัน วิตามินเอแบ่งเป็นสองรูปคือ วิตามินเอแบบสำเร็จที่เรียกว่าเรตินอล (พบในอาหารที่มาจากสัตว์เท่านั้น) และโปร-วิตามินเอ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แคโรทีน (พบในอาหารทั้งที่มาจากพืชและสัตว์)
วิตามินเอมีหน่วยวัดเป็น USP (United States Pharmacopeia) หรือ IU และ RE (Retinol Equivalents)
1,000 RE (หรือ 5,000 ไอยู) เป็นขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่เพศชายเพื่อป้องกันการขาดวิตามิน สำหรับผู้หญิง ขนาดที่แนะนำคือ 800 RE (4,000 ไอยู) ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่แนะนำให้รับประทานเพิ่ม แต่ในหญิงให้นมบุตร อาจรับประทานเพิ่ม 500 RE ในช่วงหกเดือนแรก และเพิ่มอีก 400 RE ในช่วงหกเดือนหลัง
ยังไม่มีขนาดแนะนำให้รับประทานต่อวัน สำหรับเบต้าแคโรทีน เนื่องจาก (ยัง) ไม่ได้รับการจัดให้เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างเป็นทางการ แต่โดยทั่วไปขนาดประมาณ 10,000-15,000 ไอยูของเบต้าแคโรทีน ถือเป็นขนาดที่พอเพียงและเทียบเท่าได้กับขนาดที่แนะนำสำหรับวิตามินเอ
หมายเหตุ: เนื้อหาตลอดทั้งเล่มนี้ เบต้าแคโรทีนจะเป็นรูปที่แนะนำสำหรับวิตามินเอ ผมนิยมรูปนี้มากกว่าเพราะไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นพิษ จากการสะสมเหมือนวิตามินเอ ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าเบต้าแคโรทีนช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆ และเบต้าแคโรทีนยังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจอีกด้วย
วิตามินนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
ช่วยป้องกันอาการตาบอดกลางคืน เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น และช่วยในการรักษาโรคตาหลายโรคด้วยกัน (ช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสงในตา)
เสริมสร้างภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
ย่นระยะเวลาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ
ช่วยให้เนื้อเยื่อชั้นนอกของอวัยวะต่างๆ มีสุขภาพดี
ช่วยลดจุดด่างดำที่ผิวหนัง
ส่งเสริมการเจริญเติบโต ความแข็งแรงของกระดูก และสุขภาพของผิวพรรณ ผม ฟัน และเหงือก
เมื่อใช้ทาบริเวณผิว จะมีส่วนช่วยในการรักษาสิว ริ้วรอยตื้นๆ โรคผิวหนังชนิดเป็นตุ่มพุพองที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ฝี ชันนะตุ และแผลเปิดต่างๆ
ช่วยในการรักษาโรคถุงลมโป่งพองและไทรอยด์เป็นพิษ
โรคจากการขาดวิตามิน
โรคนัยน์ตาแห้ง อาการตาบอดกลางคืน พบได้บ่อยว่าการขาดวิตามินเกิดจากการดูดซึมไขมันบกพร่องเรื้อรัง และยังพบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เนื่องมาจากการรับประทานไม่เพียงพอ
แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
น้ำมันตับปลา ตับ แครอท ผักสีเหลืองและเขียวเข้ม ไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม มาร์การีน และผลไม้สีเหลือง (หมายเหตุ: ความเข้มของสีผักและผลไม้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ปริมาณเบต้าแคโรทีนที่เชื่อถือได้เสมอไป)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
โดยทั่วไปมีวางขาย 2 รูป คือ รูปที่สกัดจากน้ำมันตับปลาตามธรรมชาติ และรูปกระจายตัวในน้ำ ซึ่งรูปนี้จะเป็นในรูปของแอซิเทต หรือปาล์มมิเทต เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับประทานน้ำมัน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวง่าย ขนาดที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 5,000-10,000 ไอยู
กรดวิตามินเอแบบทา (เรตินเอ) ซึ่งใช้ในการรักษาสิวเป็นหลัก และกำลังมีการทำตลาดในเรื่องของการรักษาริ้วรอยในสหรัฐอเมริกา เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น
อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
หากรับประทานมากกว่า 50,000 ไอยูต่อเนื่องกันทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน อาจเป็นอันตรายได้ในผู้ใหญ่ หากรับประทานมากกว่า 18,500 ไอยูต่อเนื่องกันทุกวัน อาจก่อให้เกิดผลที่เป็นอันตรายในเด็กทารก
หากรับประทานเบต้าแคโรทีนมากกว่า 34,000 ไอยูต่อเนื่องกันทุกวัน ทำให้ผิวออกเหลืองได้
อาการที่บ่งชี้ว่ามีวิตามินเอสะสมมากเกินไปได้แก่ ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ผิวลอก ตามัว ผื่น ปวดกระดูก ประจำเดือนมาไม่ปกติ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และตับบวมโต
ศัตรู
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและแคโรทีนจะทำงานขัดแย้งกันกับวิตามินเอ หากมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ไม่เพียงพอ
คำแนะนำส่วนตัว
คุณต้องการวิตามินเออย่างน้อย 10,000 ไอยู หากคุณรับประทานวิตามินอี 400 ไอยู หรือมากกว่าทุกวัน
หากคุณรับประทานยาคุมกำเนิด ความต้องการวิตามินเอของคุณจะลดลง
หากคุณรับประทานตับ แครอท ผักขม มันเทศ หรือแคนตาลูป ในปริมาณมากเป็นประจำทุกสัปดาห์ คุณไม่น่าจะต้องรับประทานวิตามินเอเสริมอาหารอีก
ไม่ควรรับประทานวิตามินเอร่วมกับน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ
วิตามินเอทำงานร่วมกับวิตามินบีรวม วิตามินดี วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสีได้ดีที่สุด (ตับต้องการสังกะสีเป็นตัวช่วยในการนำวิตามินออกมาใช้)
วิตามินเอช่วยป้องกันวิตามินซีจากการถูกออกซิไดซ์
ไม่ควรให้สุนัขหรือแมวของคุณรับประทานวิตามินเอเสริม นอกเสียจากว่าสัตวแพทย์แนะนำเฉพาะเจาะจงให้รับประทาน
หากคุณรับประทานยาลดระดับคอเลสเตอรอล เช่น เควสแทรน (คอเลสไทรามีน) ร่างกายคุณจะดูดซึมวิตามินเอได้น้อยลง และอาจต้องรับประทานเสริม
อนุพันธ์ของวิตามินเอในรูปแบบรับประทานที่ใช้ในการรักษาปัญหาผิวหนังเป็นยาที่มีฤทธิ์แรง อาจทำให้เด็กในครรภ์พิการได้ หญิงมีครรภ์จึงไม่ควรรับประทาน
ที่มา: วิตามินไบเบิล