อาการ มีไข้ต่ำๆ ถึงปานกลาง ตาแดง ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูกไหล ปวดศีรษะเล็กน้อย ผื่นเล็กๆ สีชมพู
อ่อนกระจายไปทั่ว ผื่นมักจะแยกกันอยู่ชัดเจน เริ่มที่หน้าผาก ชายผม รอบปาก และใบหูก่อนที่อื่น แล้วลงมาที่ลำคอ ลำตัว แขน ขา อาจมีอาการคัน ผื่นมักขึ้นวันเดียวกับที่มีไข้ และมักจะหายได้เองภายใน 3-5 วัน ไม่เหลือรอยแต้มดำๆ เหมือนโรคหัด และมีลักษณะเฉพาะก่อนมีผื่นขึ้นประมาณ 5-10 วัน คือ มีต่อมน้ำเหลืองบวมโต บริเวณหลังหู ท้ายทอย และหลังคอ บวมโตอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ ผู้ที่ติดเชื้อร้อยละ 50 ไม่มีผื่น
โรคนี้เกิดจากติดเชื้อไวรัสรูเบลลา ติดต่อกันทางระบบหายใจ ไอหรือจามรดกัน และทางน้ำลายระยะฟักตัว 14-21 วัน ผู้ใหญ่หลายคนติดเชื้อโดยไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด โรคนี้ไม่ร้ายแรงเท่าโรคหัด ส่วนน้อยที่มีอาการปวดข้อร่วมด้วย
การรักษา ดูแลตนเองเหมือนไข้ต่ำๆ โดยทั่วไป อย่างเช่น ทานยาลดไข้พาราซตามอลทุก 4-6 ชั่วโมง (ห้ามใช้แอสไพริน) นอนพักผ่อน รับประทานอาหารอ่อนๆ หากมีอาการคัน สามารถใช้คาลาไมน์ทาแก้คันได้
การยืนยันว่าเป็นหัดเยอรมันจริง ทำได้ด้วยการตรวจหาระดับแอนตี้บอดีต่อเชื้อหัดเยอรมันที่จะสูงเป็น 4 เท่าขึ้นไปในระยะเฉียบพลันถึงระยะพักฟื้น อันตรายของโรคนี้มีมากต่อทารกในครรภ์ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก ทำให้พิการ เช่น หูหนวก ตาบอด ต้อหิน ต้อกระจก ปัญญาอ่อน หัวใจพิการ แพทย์จึงแนะนำให้ผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์ไปฉีดวัคซีนก่อนแต่งงานหรือก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 3 เดือน
โรคนี้มีอันตรายต่อทารกในครรภ์มากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ โดยเฉพาะทารกในครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก หากมีการแพร่เชื้อไปถึงตัวทารก มักทำให้ทารกพิการได้ เช่น ปัญญาอ่อน หัวใจผิดปกติ ตาผิดปกติ โรคนี้สามารถป้องกันได้ โดยการฉีดวัคซีน MMR (หัด หัดเยอะมัน คางทูม) ครั้งแรกในตอนอายุ 9-15 เดือน ซึ่งจะป้องกันโรคได้ตลอดไป