อาการ เริ่มจากมีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล ประมาณ 7-10 วัน ต่อมาน้ำมูกเป็นสีเหลืองข้นหรือสีเขียว เสมหะก็
เช่นเดียวกัน บางรายมีหนองไหลลงคอ พูดเสียงขึ้นจมูก จมูกเกิดอาการบวม บางครั้งลมหายใจมีกลิ่นเหม็น บางคนหูอื้อ ปวดศีรษะในตอนเช้า โดยเฉพาะอาการปวดมึนๆ ที่หน้าผาก หัวคิ้ว กลางศีรษะ กดเจ็บบริเวณโพรงอากาศข้างจมูก หรืออาจปวดลามไปที่โพรงไซนัสแห่งอื่น คือ บริเวณใต้หน้าผาก โหนกแก้มสองข้างจมูก บริเวณหัวคิ้วระหว่างลูกตา และบริเวณส่วนกลางของกะโหลกศีรษะ บางคนอาจรู้สึกคล้ายปวดฟัน บริเวณขากรรไกรบน อาการปวดอาจเป็นมากในเวลาเช้าหรือบ่าย เวลาก้มศีรษะหรือเปลี่ยนท่า
สรุปอาการสำคัญ
- น้ำมูกไหล โดยสีของน้ำมูก อาจเป็นสีเขียวเหลืองหรือขาวเป็นมูก
- ไอ เพราะเมือกหรือหนองไหลลงคอ กระตุ้นให้เกิดอาการไอ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
สาเหตุ เกิดขึ้นจากการติดเชื้อของเยื่อบุผิวโพรงไซนัสหรือมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ เช่น เป็นหวัด ฟันผุ โรคภูมิแพ้ ผนังกั้นจมูกคด ริดสีดวงจมูก เนื้องอกภายในจมูก
เป็นต้น ทำให้มีของเหลวคั่งในโพรงไซนัส และเมื่อเชื้อโรคจากจมูกเข้าสู่โพรงไซนัสได้ก็จะแบ่งตัว ทำให้เกิดการติดเชื้อของโพรงไซนัส และมีหนองเกิดขึ้น
เชื้อที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ เบตาสเตรปโตคอคคัส สแตฟฟีโลคอคคัส นิวโมคอคคัส ฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการลุกลามของเชื้อโรค จากบริเวณรากฟันที่เป็นหนองเข้าไปในโพรงไซนัสโดยตรง จึงต้องระวังเรื่องของฟันผุด้วย
โดยปกติเมือกในโพรงไซนัสจะไหลเข้าสู่โพรงจมูกผ่านช่องเล็กๆ ที่ผนังข้างจมูก เพื่อใช้ในการต่อสู้เชื้อโรคและระบายสิ่งแปลกปลอมจากจมูกลงสู่ลำคอหรือออกทางจมูก
โรคแทรกซ้อน
เชื้อโรคแบคทีเรียแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เกิดการอักเสบ มีหนองข้น และเจ็บปวด อาจลุกลามเข้าดวงตา เกิดอักเสบ เป็นหนอง ทำให้ตาบอดได้ ลุกลามไปถึงสมอง ทำให้เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
การรักษา เมื่อน้ำมูกเป็นสีเหลืองข้นหรือสีเขียว ควรไปพบแพทย์ทันทีอาจต้องเอกซเรย์โพรงไซนัส ประกอบด้วยหลักใหญ่ 3 อย่าง
- การให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรค อาจจะให้นานถึง 3-6 สัปดาห์ ตามที่แพทย์แนะนำ
- การทำโพรงจมูกที่บวมให้ยุบลง เพื่อให้หนองในโพรงไซนัสไหลถ่ายเทออกมาให้หมด อาจได้ยาละลายเสมหะ ยาลดอาการคัดจมูกด้วย ช่วงนี้ควรดูแลด้วยการล้างโพรงจมูกด้วยน้ำเกลือเพื่อลดปริมาณน้ำมูก 3 เวลา คือ เช้า-เย็น-ก่อนนอน หรือเมื่อมีน้ำมูกคั่งในจมูก บางรายอาจต้องสวนล้างในโพรงไซนัสและใส่ยาเข้าไป หรืออาจต้องผ่าตัดรักษา
- การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นผง ละอองเกสร ควันต่างๆ เป็นต้น และป้องกันไรฝุ่นด้วยการต้มผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มคลุมที่นอน หมอน และผ้าห่ม ด้วยผ้ากันไรฝุ่น