JA Cpanel
  •  

DooHealthy

RSSเว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลความรู้และคำปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

โสม

โสมเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า โสมเป็นยาบำรุงกำลังทั้งทางกายและทางใจ ชาวจีนบริโภคโสมกันมาร่วมห้า

 

พันปี และยังคงยกย่องว่ามันเป็นสมุนไพรครอบจักรวาลที่ป้องกันและรักษาได้ทุกโรค โสมมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษต่างๆ ออกไปเร็วขึ้น ช่วยลดไขมันแอลดีแอล (คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี) กระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต บรรเทาอาการไม่สบายในช่วงวัยทองโดยการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน (โสมเป็นแหล่งของไฟโตเอสโทรเจนชั้นเยี่ยม) ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ปรับความดันเลือดให้เป็นปกติ และช่วยรักษาอาการหวัด มีการนำมาใช้เป็นยาปลุกกำหนัดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และผู้หญิงหลายคนก็ยอมรับว่ามันช่วยเพิ่มอารมณ์ทางเพศได้ และเพราะความสามารถในการกระตุ้นที่ยอดเยี่ยม ผู้ชายหลายคนพบว่า โสมช่วยให้เขาประกอบกิจกรรมทางเพศได้ดีขึ้นด้วย (จากการศึกษาในวารสารทางการแพทย์ Journal of Urology ได้มีการทดลองให้ผู้ชายที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศรับประทานโสมแดงเกาหลีสกัด 900 มก. 3 เวลาทุกวัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 สัปดาห์ พัก 2 สัปดาห์ และรับประทานต่ออีก 8 สัปดาห์ในขนาดยาเท่าเดิม พบว่าผู้ชายที่ได้รับประทานโสมทำคะแนนดัชนีชี้วัดการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้สูงกว่าผู้ชายที่รับประทานยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ)

ประโยชน์ในด้านโภชนาการที่สำคัญอีกข้อหนึ่งสำหรับโสมคือ ช่วยในการดูดซึมของวิตามินและแร่ธาตุ โดยกระตุ้นการทำงานของต่อมไร้ท่อ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรรับประทานโสมในขณะท้องว่าง หากเป็นไปได้ควรเป็นช่วงก่อนมื้อเช้า หรืออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร วิตามินซีอาจขัดขวางการดูดซึมของโสม หากคุณรับประทานวิตามินซีเสริมอาหาร ควรเว้นระยะห่างก่อนหรือหลังการรับประทานโสมสักสองชั่วโมง โดยประมาณ (วิตามินซีแบบแตกตัวช้าจะช่วยลดโอกาสการเกิดปฏิกิริยากับโสม)

โสมชนิดหลักที่วางขายทั่วไปคือ โสมเอเชีย (Panax ginseng) หรือเรียกง่ายๆ ว่า โสมตะวันออก โสมจีน โสมเกาหลี ส่วนโสมอเมริกัน (Panax quinquefolius) และโสมไซบีเรีย (Eleutherococcus senticosus) ไม่จัดเป็นโสมแท้ (Panax) แต่ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในแง่ของการเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

โสมมีวางจำหน่ายในรูปแคปซูลขนาด 500-650 มก. (10 เกรน) ผมไม่แนะนำให้รับประทานขนาด 500 มก. เกินกว่า 6 แคปซูลต่อวัน และยังอาจหาซื้อได้ในรูปชา ผง หรือแบบน้ำสกัดเข้มข้น ปัจจุบันโสมถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอะแด็ปโตเจน ชนิดเอ (สารไม่มีพิษที่เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายต่อความเครียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ เคมี หรือชีวภาพ) หากคุณจะรับประทานโสมเอเชียหรือโสมอเมริกัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีจินเซนโนไซด์ (สารที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพ) ร้อยละ 4-7 สำหรับโสมไซบีเรีย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีอีลิวธีโรไซด์ร้อยละ 1 ของน้ำหนักรวม

ข้อควรระวัง: แม้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่โสมอาจทำให้หญิงวัยหมดประจำเดือนมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่อาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นอาการแสดงของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูด ดังนั้นหากมีเลือดออก คุณควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว และอย่าลืมเล่าว่ากำลังรับประทานโสมอยู่ และในบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะหรือความดันโลหิตสูงขึ้นจากการรับประทานโสม ดังนั้น ผมแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนจะเริ่มรับประทาน

ที่มา: วิตามินไบเบิล

Julius

นาฬิกาดีไซน์ความหลากหลายให้เข้ากับสไตล์ของคุณ More...

G-SHOCK

ต้นแบบเฉพาะตัวกับตัวเครื่องคุณภาพความทนทาน More...

Edifice

Edifice นาฬิกาลูกผู้ชาย ทรงอิทธิพลด้วยดีไซน์ที่เร้าใจ More...

Consultant



↑ เพิ่มเพื่อนจากทาง Line เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ที่นี่...

Latest Posts

Map