ไม่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมชนิดใดเหมาะสมกับทุกคน การแพทย์ทางเลือกแบบใดแบบหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้
เหมาะสมกับคนทุกคนเช่นกัน ทุกวันนี้มีทั้งการแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แผนปัจจุบันนับสิบที่ได้รับการยอมรับและให้ผลการรักษาที่น่าพึงพอใจ (หากต้องการหาข้อมูลของแพทย์ที่มีความรู้ด้านโภชนาการหรือแพทย์ทางเลือก) การแพทย์ทางเลือกที่เป็นที่รู้จักกันดีมีดังนี้
อายุรเวท
หนึ่งในระบบการแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการจดบันทึกไว้ในโลกในประเทศอินเดีย การแพทย์แผนอายุรเวทยังใช้กันอย่างกว้างขวางอยู่ในปัจจุบัน อายุรเวทได้รับการยกย่องว่าเป็น "มารดาแห่งการบำบัด" เนื่องจากมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิชาการแพทย์ในเกือบทุกแขนง อายุรเวทไม่เพียงแต่รักษาอาการของโรค แต่ยังรักษาร่างกายโดยรวม ตลอดจนถึงจิตใจ จิตวิญญาณ และการใช้ชีวิต โดยหลักความเชื่อที่ว่า การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีความสำคัญพอกันกับการรักษาอาการเจ็บป่วย และการเริ่มรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่อาการจะเริ่มปรากฎ เป็นหลักการสำคัญของสุขภาพที่ดี มียาที่ใช้ในการรักษามากกว่าสองพันสูตรในอายุรเวท โดยมักใช้สมุนไพรชนิดหนึ่งร่วมกับสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง และที่จริงแล้ว แพทย์ทางอายุรเวทมักใช้พืชทั้งต้นในการรักษา ตรงข้ามกับแพทย์ทางตะวันตกที่มักใช้การสกัดสารสำคัญเพียงหนึ่งหรือสองชนิดออกมาใช้เท่านั้น เพราะอายุรเวทเชื่อว่าสารเคมีทุกชนิดในพืชได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกันกับร่างกายของเรา การแพทย์อายุรเวทออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและเกื้อกูลระบบต่างๆ ในร่างกาย
การฝังเข็ม
การแพทย์แผนโบราณของชาวจีนที่มาจากพื้นฐานความเชื่อในเรื่องพลังชีวิต "ชี่" ซึ่งเป็นพลังงานที่ไหลเวียนผ่านช่องทางทั้งสิบสี่ในร่างกายและถูกกระตุ้ันได้โดยการสอดเข็มเข้าไปในจุดฝังเข็มบางจุดจากทั้งหมด 360 จุด บนร่างกายเพื่อฟื้นคืนสมดุลแห่งพลังงานชีวิต ในหลายกรณีพบว่าการฝังเข็มช่วยในการรักษาอาการเจ็บปวดได้เช่นเดียวกับการรักษาโรคต่างๆ การแพทย์ฝังเข็มยังใช้สมุนไพรร่วมในการบำบัดด้วย ในรัฐส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาการเป็นแพทย์ฝังเข็มหรือแพทย์แผนตะวันออกต้องผ่านการฝึกฝนจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับและมีใบอนุญาตในการรักษา แพทย์ธรรมชาติบำบัด (Naturopathic Doctor, N.D.) ก็ต้องได้รับใบอนุญาตในการรักษาด้วยการฝังเข็มเช่นกัน
ไคโรแพรกติก (Chiropractic)
เน้นในเรื่องของการปรับกระดูกสันหลังเพื่อสุขภาพ แพทย์ไคโรแพรกติกจะให้ความสำคัญกับเรื่องของการปรับปรุงภาวะโภชนาการด้วย พวกเขาจะต้องเข้าศึกษาเป็นเวลา 4-5 ปี ในโรงเรียนสอนไคโรแพรกติกที่ได้รับการรคับรองวิทยฐานะ หลังจากที่ได้ศึกษาในระดับปริญญาตรีมาอย่างน้อยสองปี และจะได้รับใบอนุญาตให้ทำงานได้ทั้งห้าสิบรัฐในสหรัฐอเมริกา ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ยุโรปส่วนใหญ่ แอฟริกา และตะวันออกกลาง แต่พวกเขาไม่สามารถสั่งยาหรือทำการผ่าตัดได้
การรักษาด้วยสมุนไพร
สมุนไพรเป็นยาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางที่สุดทั่วโลกมาหลายพันปี และเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการดูแลรักษาสุขภาพตนเองในปัจจุบัน การรักษาด้วยสมุนไพรมีรากฐานมาจากทฤษฎีเดียวกันกับเภสัชวิทยาในปัจจุับัน การรักษาด้วยสมุนไพรมีรากฐานมาจากทฤษฎีึเดียวกันกับเภสัชวิทยาในปัจจุบัน การรักษาด้วยสมุนไพรมีรากฐานมาจากทฤษฎีเดียวกันกับเภสัชวิทยาในปัจจุบัน แท้จริงแล้วเกือบร้อยละ 50 ของยาที่ใช้และสั่งกันเป็นประจำในปัจจุบัน ล้วนดัดแปลงมาจากสารจากพืชหรือมีสารเคมีที่มีโครงสร้างเลียนแบบพืช ทุกวันนี้ประสิทธิภาพของสมุนไพรหลายตัวเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
โฮมีโอพาธี (Homeopathy)
กำเนิดจากการค้นพบโดยแซมมูเอล ฮาห์นีมานน์ โฮมีโอพาธีใช้ยาช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยใช้หลักการ "หนามยอกเอาหนามบ่ง" ยกตัวอย่างเช่น สารหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการในคนปกติหากรับประทานเป็นปริมาณมาก สามารถช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยโฮมีโอพาธีจะมองคนไข้อย่างองค์รวม (จิตใจ ร่างกาย อารมณ์) และพยายามทำความเข้าใจว่าอาการต่างๆ เป็นการแสดงออกของร่างกายที่พยายามจะแก้ไขความไม่สมดุลและฟื้นคืนสุขภาพ ดังนั้น แทนที่จะพยายามระงับอาการเหล่านั้น ยาในทางโฮมีโอพาธี (ซึ่งมากจากพืชตามธรรมชาติ แร่ธาตุและสารจากสัตว์ที่ไม่เป็นพิษ) จะทำงานอย่างรวดเร็วในการกระตุ้นและควบคุมกลไกการป้องกันตัวของร่างกาย โดยไม่มีผลข้า่งเคียงใดๆ หากใช้ตามที่แนะนำ ในขณะที่เขียนหนังสือเล่มนี้ ยังไม่มีการให้ใบอนุญาตสำหรับการรักษาด้วยโฮมีโอพาธี แพทย์ทุกแขนง (M.D., D.O., N.D., D.C.) สามารถเป็นแพทย์ทางโฮมีโอพาธี (D.Ht.) ได้ หลังจากที่ผ่านการศึกษาอบรมเป็นเวลา 6 สัปดาห์
ธรรมชาติบำบัด
การรักษาแบบธรรมชาติบำบัดได้รวมเอาการรักษาด้วย สมุนไพร การนวด การฝังเข็ม และการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ อันหลากหลายมาไว้ด้วยกัน แพทย์ธรรมชาติบำบัด (N.D.) ต้องผ่านการสอบเพื่อขอใบอนุญาตในระดับประเทศ หลังจากที่เรียนจบหลักสูตรสี่ปีจากโรงเรียนแพทย์ที่สอนด้านธรรมชาติบำบัด
การแพทย์แบบออร์โธโมเลกุลาร์ (Orthomolecular)
เป็นการบำบัดรักษาแบบทางเลือกที่มีจุดประสงค์หลักคือ การเพิ่มปริมาณสารที่ปกติแล้วควรจะมีอยู่ในร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่สูงที่สุดโดยการเสริมอาหาร นอกจากการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ เพื่อให้ร่างกายสร้างสารเคมีชีวภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพแล้ว การแพทย์แบบออร์โธโมเลกุลาร์ยังวให้ความสนใจกับการกำจัดสารที่เป็นอันตราย เช่น ยา มลพิษ สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ออกจากร่างกายด้วย ผู้ที่ใช้วิธีการรักษาแบบออร์โธโมเลกุลาร์ส่วนใหญ่ แม้จะไม่ทั้งหมด จะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน (M.D.)
ออสทีโอพาธี (Osteopathy)
แพทย์ด้านออสทีโอพาธี (D.O.) ผ่านการศึกษาทางการแพย์เช่นเดียวกับแพทย์แผนปัจจุบัน และได้รับใบอนุญาตให้ปฏิบัติงานได้เท่าเทียมกับแพทย์แผนปัจจุบัน รวมทั้งการผ่าตัด้วย ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างแพทย์ทั้งสองประเภทคือ แพทย์แผนปัจจุบันมักจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะโรคหรืออวัยวะ แต่แพทย์ออสทีโอพาธีจะให้ความสำคัญกับการรักษาแบบองค์รวม และมีความเชี่ยวชาญมากกว่าในเรื่องการใช้หลักโภชนาการเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ