สภาวะของสังคมเมือง ทำให้ชีวิตของคนต้องแข่งขันกับเวลา โดยที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ทั้งยังมีในเรื่อง
ของหน้าที่ความรับผิดชอบ การทำงานหามรุ่งหามค่ำ แถมยังต้องอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่แอบแฝงในร่างกายของคนเมือง ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ 4 โรคยอดฮิตที่จะกล่าวถึงต่อไป เพื่อให้ทุกท่านได้ลองสำรวจตัวเองดูว่าเราตกเป็นเหยื่อของโรคเหล่านี้บ้างหรือเปล่า
ไมเกรน
- ปวดศีรษะครึ่งซีก บริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจจะปวดข้างเดียว หรือสองข้างพร้อมกัน หรือเป็นสลับข้างก็ได้
- ปวดตุ๊บๆ ในสมอง เป็นเวลานานครั้งละ 20 นาทีขึ้นไป
- ปวดศีรษะรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยเป็นก่อนหลัง หรือขณะปวดศีรษะ
- มีอาการทางสายตานำมาก่อน ก่อนปวดศีรษะประมาณ 10-20 นาที เช่นเห็นแสงเป็นเส้นๆ ระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว
สำหรับคนเมืองสิ่งแวดล้อมรอบตัวล้วนเป็นปัจจัยชักนำในการเกิดโรคทั้งนั้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินอยู่ เช่น ทำงานหนัก นอนดึก ตื่นเช้า ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งความเครียดที่สะสม จากการทำงาน ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้วิตกกังวล หรืออาจเพราะมีอาหารบางชนิดด้วย เช่น ชา กาแฟ นม เนย ผงชูรส
ฉะนั้นหากหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้โดยการหาเวลานั่งพัก หลับตาช่วงระหว่างวัน จะช่วยบรรเทาอาการได้เยอะ หรือหากิจกรรม ที่ทำผ่อนคลาย ทำแล้วมีความสุขก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ดีเลย
โรคกระเพาะ
- แผลที่เกิดขึ้นในลำใส้เล็กส่วนต้น จะมีอาการปวดท้องบริเวณท้องด้านขวาส่วนบนเวลาหิว ทำให้หิวบ่อย
- แผลเกิดที่ในกระเพาะอาหาร จะมีอาการ ปวดท้องเวลาอิ่ม จะรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ บริเวณยอดอก และลิ้นปี่
- ในรายที่เป็นร้ายแรง อาจปวดท้องอย่างหนัก มีอาเจียนและถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย
จากความเชื่อเดิมที่เคยรู้กันว่าโรคกระเพาะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เฮลีแบคเตอร์ไพโลไร แต่ปัจจุบันได้มีผลการวิจัยของแพทย์ในประเทศไทยหลาย ฉบับจากการตรวจคนไทยส่วนใหญ่จะไม่พบเชื้อตัีวนี้ แต่จะมีปัจจัยการเกิดโรคกระเพาะ 3 ตัวแปรคือ
- ด้านร่างกาย เกิดจากสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะหากแข็งแรงกระเพาะอาหารก็จะแข็งแรงไปด้วย
- ด้านจิตใจ ความเครียด ความโกรธ ความกังวล มีผลต่อการกระตุ้นให้กระเพาะของเราสร้างกรดเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ
- ด้านสังคม สังคมเร่งด่วน คนวัยทำงานไม่มีเวลากินอาหาร กินอาหารไม่ตรงเวลาในขณะที่ร่างกายมีระบบ นาฬิกาชีวภาพที่อยู่ภายในร่างกาย เมื่อถึงเวลาน้ำย่อยหลั่งแต่อาหารไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยก็โจมตีเยื่อบุกระเพาะแทน
กรดไหลย้อน
- อาการจำเพาะ คือ อาการที่เกี่ยวข้องกับการไหลย้อนของกรดโดยตรง เช่น เจ็บหน้าอก แสบร้อนหน้าอก แน่นหน้าอก หรือรู้สึกมีอาการแน่นบริเวณกลางหน้าอก โดยมีอาการบ่อยและเป็นมานานแล้ว
- อาการไม่จำเพาะ คือ อาการที่ไม่ได้เกิดจากตัวโรคโดยตรง แต่เกิดจากสภาวะที่เกี่ยวเนื่องกันที่อาจส่งผลไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ เช่น เสียงแหบเรื้อรัง ไอเรื้อรัง และอาจจะมีโรคหอบหืดร่วมด้วย
วิธีดูแลตัวเองว่ายๆ จากกรดไหลย้อนคือ หากเป็นผู้ที่มีน้ำหนักมากควรลดน้ำหนัก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เวลากินไม่ควรกินอาหารให้อิ่มจนเกินไป และก่อนนอน 2-3 ชั่วโมงไม่ควรกินอาหาร เพื่อให้ระบบการย่อยทำงานไม่หนักจนเกินไป ลดอาหารที่มีไขมันสูง งดการสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ควรนอนดึก สำหรับคนที่มีอาการมาก ควรนอนให้หัวสูงกว่าลำตัวจะสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้
โรคลำไส้แปรปรวน
- มีอาการปวดบริเวณกลางท้อง หรือปวดบริเวณท้องน้อย โดยทั่วไปจะปวดท้องน้อยด้านซ้าย มักจะปวดแบบเกร็งๆ
- มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด
- มีอาการท้องโตขึ้น เหมือนมีลมอยู่ในท้อง อาจมีอาการเรอหรือผายลมบ่อย
- มีอาการถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรืออาจมีท้องผูกสลับท้องเสีย บางรายอาจมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด อุจจาระจะมีลักษณะเหลวหรือเป็นมูกร่วมด้วย แต่จะไม่มีเลือด อาการมักจะเป็นๆ หายๆ มากน้อยสลับกันและมีอาการเกิน 3 เดือน
หลัก 3 อ รับมือโรคลำไส้แปรปรวน
อาหาร ไม่ควรกินอาหารที่มีรสเผ็ด รสเปรี้ยว รวมทั้งเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์
อารมณ์ คือ ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดลำไส้แปรปรวน
ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที ช่วยให้ร่างกายเกิดการผ่อน