อาการ มีเลือดสดๆ ไหลออกมาทางรูจมูกอย่างฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนมากออกจากรูจมูกเดียว
ส่วนน้อยที่ออกจากรูจมูก 2 ข้าง เลือดกำเดาอย่างเดียวไม่ใช่โรคร้ายแรง ยกเว้นออกมามากและบ่อยครั้ง จะทำให้โลหิตจาง และในบางรายมีเลือดกำเดาเพราะโรคมะเร็งที่โพรงจมูก
สาเหตุ เกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณเยื่อจมูกฉีกขาด จึงมีเลือดไหลออกมา ด้วยปัจจัยอันเนื่องมาจาก
- การกระทบกระเทือน เช่น การสั่งน้ำมูกแรงๆ การแกะจมูก ซึ่งมักพบในเด็ก อุบัติเหตุที่บริเวณศีรษะและใบหน้า การผ่าตัดบริเวณโพรงจมูกและไซนัส เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง ทำให้เส้นเลือดในจมูกฉีดขาดได้
- ความเปราะบางของเส้นเลือดฝอยที่ต้องเผชิญกับอากาศแห้ง โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ต่างมีผลทำให้เส้นเลือดเปราะและแตกง่าย
- โรคหวัดเรื้อรังหรือโรคภูมิแพ้ทางจมูกที่ไม่ได้รับการรักษา รวมทั้งการอักเสบติดเชื้อ เช่น โพรงจมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ เป็นต้น
- เนื้องอกของโพรงจมูก และเนื้องอกของตัวเส้นเลือดเอง
- มะเร็งที่โพรงจมูก มะเร็งที่ไซนัส มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งที่ฐานของกะโหลกศีรษะ ผู้ป่วยที่มีมะเร็งที่ด้านหลังของโพรงจมูก อาจมีอาการหูอื้อ และต่อมน้ำเหลืองที่คอโตนำมาก่อนที่ผู้ป่วยจะมีเลือดกำเดาไหลก็ได้
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคบางชนิด เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia) เป็น อาจพบมีจ้ำฟกช้ำ ดำเขียว ตามแขน ขา และลำตัว
- ยาบางประเภท เช่น ยาแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด เป็นต้น ยาเหล่านี้จะทำให้เลือดไหลง่ายกว่าปกติ หากมีอะไรกระทบจมูกเล็กน้อย อาจทำให้มีเลือดกำเดา
- การขาดวิตามิน เช่น วิตามิน วิตามินเค ทำให้เลือดไหลออกง่าย เป็นต้น
การรักษา โดยมากเลือดกำเดาไหลแล้วหยุดได้เอง ไม่เป็นโรคร้ายแรงเพียงแต่เงยหน้าหรือก้มหน้าพร้อมกับใช้นิ้วมือบีบจมูกทั้งสองข้างให้แน่นประมาณ 5-10 นาที ระหว่างนี้หายใจทางปากแทนไปก่อน ส่วนมากบีบจมูกครั้งเดียวก็ได้ผล แต่หากยังเลือดไหลออกมาให้ทำซ้ำอีกครั้ง หากเป็นบ่อยๆ ควรไปพบแพทย์ ซึ่งมียาอะดรีนาลินขนาด 1:1000 สำหรับชุบกับผ้า เอาอุดรูจมูก ช่วยให้หลอดเลือดฝอยตีบลง และทำให้เลือดหยุดไหลได้ใน 2-3 ชั่วโมง หรือใช้การจี้ด้วยไฟฟ้า
ควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดกำเดา เช่น ตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจเบาหวาน ตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น เพื่อรักษาต้นเหตุของโรค