อาการ ปวดเมื่อยหลัง ปวดเมื่อยคอ อาจปวดมากตรงสะบัก มักจะไม่มีอาการชา ไม่มีอาการปวดร้าวไป
ที่แขนอาจเกิดขึ้นเฉียบพลันหลังทำงานหนักหรือเกิดเพราะทำงานซ้ำซากโดยไม่ได้ออกกำลังกายก็ได้
ผู้ที่มีอาการปวดหลังร้อยละ 50 จะหายภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งมักมีปัญหาของกล้ามเนื้อหลังแข็งเกร็ง ไม่ปลดปล่อยกรดแลกติกที่เป็นของเสียในมัดกล้ามเนื้อออกมา หากไม่แก้ไข ยังคงทำงานในลักษณะเดิมๆ จะทำให้ปวดกล้ามเนื้อหลังอย่างเรื้อรังได้ และพบผู้ป่วยร้อยละ 5 ที่จะเป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง
สาเหตุ
1. การนั่งผิดท่า เช่น การนั่งหลังโก่ง นั่งบิดๆ นั่งขับรถหลังโก่ง เป็นต้น
2. การยืนที่ผิดท่า
3. การยกของผิดท่า
4. การนอนบนที่นอนที่นุ่มหรือแข็งเกินไป
5. ทำงานมากเกินไป
6. การไม่ออกกำลังจะทำให้กล้ามเนื้อไม่มีพละกำลังที่จะทำให้หลังอยู่ในท่าที่ถูกต้อง
หากมีอาการปวดหลังร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์
- ปัสสาวะลำบาก
- มีอาการชาบริเวณหลังหรือบริเวณอัวยะเพศ
- มีอาการชาและอ่อนแรงขาข้างหนึ่ง
- มีอาการปวดแปลบที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- เดินเซ
การรักษา กรณีปวดกล้ามเนื้อหลังมักไม่ต้องไปพบแพทย์ ยกเว้นแต่ปวดเรื้อรัง แก้ปัญหาด้วยตนเองไม่หายจึงต้องพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติอาการปวดหลัง หากมีอาการป่วยอื่นๆ เช่น อาการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ควรแจ้งแพทย์ด้วย
อาการปวดหลังที่ปวดไม่มากแพทย์จะแนะนำให้บริหารแผ่นหลังให้มีความแข็งแรง ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันอยู่ในท่ายืน เดิน นั่ง นอน และการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการปวดอีก รวมทั้งควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และให้ทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ เพื่อลดความเจ็บปวด
ผู้ป่วยควรสำรวจอิริยาบถของตนเองว่าเหมาะสมหรือยัง
อิริยาบถที่ไม่ทำให้ปวดหลัง
การนอนที่ดี ที่นอนควรลักษณะเรียบ ตึง และแน่น ไม่นุ่มจนยุบตัวลงเป็นแอ่ง มีหมอนรองรับศีรษะที่รองรับส่วนโค้งของคอได้หมด และสามารถกระจายน้ำหนักได้ ควรมีหมอนหนุนที่อื่นๆ ของร่างกายด้วย เช่น หนุนใต้เข่า หนุนขา หนุนลำตัว เป็นต้น
- การนอนคว่ำ จะทำให้กระดูกหลังแอ่นขึ้น ท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัดด้วย ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน
- ท่านอนตะแคง ก่ายหมอนข้าง ท่านี้หลังตรงดีและไม่ปวดหลัง ที่สำคัญควรมีหมอนข้างขนาดพอเหมาะ ไม่แข็งตึงหรือใหญ่เกินตัว จะทำให้ปวดเมื่อยได้
นอนตะแคงขวาช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก บรรเทาอาการปวดหลัง
นอนตะแคงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่
การกอดหมอนข้างพร้อมพาดขา ช่วยป้องกันขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานาน
- ท่านอนหงาย ควรมีหมอนบางหนุนใต้เข่า ทำให้แผ่นหลังตรงดี ไม่ควรนอนหงายโดยไม่มีหมอนรองเข่า
การนั่งให้ถูกท่า การนั่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อกระดูกหลังมากที่สุด ควรจะมีพนักพิงหลังมาถึงบริเวณเอว ควรจะเป็นเก้าอี้ที่หมุนได้เพื่อป้องกันการบิดของเอว มีที่พักของแขนขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย ควรจะมีหมอนเล็กๆ รองบริเวณเอว และเลือกเก้าอี้ที่ขนาดและความสูงพอเหมาะให้เท้าวางราบกับพื้นพอดี ระดับเข่าควรจะอยู่สูงกว่าระดับสะโพก หากเก้าอี้สูงเกินไป ควรหาเก้าอี้เล็กรองเท้าเวลานั่ง ควรนั่งให้สุดรองก้น หลังพิงกับพนักพิง เท้าวางกับพื้นได้เต็มเท้า
การยืนหรือเดิน การยืนควรจะยืนตัวตรงหลังไม่โก่งหรือคด แนวติ่งหู ไหล่ และข้อสะโพกควรเป็นแนวเส้นตรง อย่ายืนหลังค่อม อย่าห่อไหล่ เพราะจะเมื่อยคอ ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรใส่รองเท้าที่มีส้นสูงเกินไป หากต้องยืนนานควรมีที่พักเพื่อสลับเท้าพัก เวลาเดินเท้่าอย่าบิดไปข้างใดข้างหนึ่ง
การนั่งขับรถ ควรจะเลื่อนที่นั่งให้ใกล้พวงมาลัย เมื่อเวลาเหยียบเบรกเข่าจะอยู่สูงกว่าสะโพก โดยเฉพาะการขับรถทางไกล ควรเลื่อนเบาะนั่งให้ใกล้เพื่อป้องกันการงอหลัง หลังส่วนล่างควรจะพิงกับเบาะ เบาะนั่งควรจะยกด้านหน้าให้สูงกว่าด้านหลังเล็กน้อย
การยกของ อย่าก้มหลังลงโก้งโค้งยกของ ให้ย่อเข่าลงแล้วจับของ แล้วค่อยยืนขึ้นมาเพื่อรักษาแผ่นหลังให้ตรง ถ้าหนักไปอย่ายก ให้หาคนช่วย
และยังมีข้อควรปฏิบัติอื่นๆ เพื่อป้องกันโรคปวดหลัง อาทิ เช่น
- ในการยกและหยิบจับสิ่งของหนัก ควรหลีกเลี่ยงจากการยกของหนัก โดยเฉพาะที่อยู่สูงเกินเอว ให้ใช้การผลักหรือดึงแทน และหันหน้าเข้าสิ่งของทุกครั้งที่จะยกของและถือของหนักให้ชิดตัว อย่าถือไกลตัว หลีกเลี่ยงการยกของที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน ให้หิ้วมือซ้ายขวาเท่าๆ กัน รวมทั้งเมื่อหิ้วของให้หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
- การถูพื้น ดูดฝุ่น การขุดดิน ควรจะถือเครื่องมือไว้ใกล้ตัว ไม่ก้าวยาวๆ หรือเอื้อมมือหยิบของ และการกวาดบ้านหรือถูบ้าน ไม่ควรก้มหลังงอ ให้ใช้ไม้ถูพื้นแทนการเช็ดถูด้วยมือ และควรจะใช้ไม้กวาดด้ามยาวเพื่อที่จะไม่ต้องก้ม
- ควรสวมรองเท้าส้นเตี้ย เพื่อให้แผ่นหลังอยู่ในท่าที่ดี ขณะสวมใส่รองเท้าส้นสูง เกิดการเปลี่ยนแปลงของจุดรัีบน้ำหนักของร่างกาย น้ำหนักจะตกลงที่ปลายเท้ามากกว่าปกติ กล้ามเนื้อฝ่าเท้า กล้ามเนื้อขาและลำตัวต้องทำงานมากกว่าเดิม เพื่อที่จะพยายามรักษาสมดุลการทรงตัวให้ได้ที่สำคัญบริเวณหลังจะเกิดการแอ่นมาก และเป็นสาเหตุของการปวดหลังในอนาคตได้ อีกทั้งกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายจะหดสั้นตลอดเวลาที่ใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้บริเวณน่องเกิดความตึงตัว หดเกร็ง การไหลเวียนของเลือดไม่ดีหากจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูงด้วยหน้าที่อย่างเช่น นางแบบ ควรปล่อยให้เท้าได้พักอยู่ในรองเท้่าแตะบ้าง บีบนวดเท้าบ้าง บริหารเท้าด้วยในวันนั้น เพื่อช่วยให้เลือดบริเวณน่องและเท้าไหลเวียนเป็นปกติ
- เมื่อจะไอหรือจาม ให้กระชับหลังและงอหัวเข่า หรือใช้มือข้างหนึ่งปิดปาก มืออีกข้างหนึ่งกดบริเวณหลัง อย่าก้มหลังขณะไอหรือจาม เพราะจะทำให้หมอนกระดูกเลื่อนได้