อาการ ในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการ เมื่อเป็นมากแล้วจะเริ่มมีอาการท้องอืด แน่นท้องตลอดเวลา น้ำหนักลด
ลงมาก อาเจียน มีเลือดออกทางทวารหนัก อุจจาระลำเล็กกว่าปกติ ระบบการขับถ่ายผิดปกติไปจากเดิม ท้องผูกสลับกับท้องเสีย หรือท้องผูกตลอดเวลา หรือท้องเสียเป็นประจำ ปวดท้องบ่อย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
ปัจจัยเสี่ยง
- คนที่ชอบดื่มสุรา
- ชอบสูบบุหรี่
- ชอบทานเนื้อสัตว์ซึ่งมีสารเร่งเนื้อแดง สารไนโตรซามีนที่มีอยู่ในปลาร้า ปลาจ่อม ที่ปรุงไม่สุก แต่ถ้าทำสุกแล้วสารไนโตรซามีนจะหายไป
- ชอบอาหารที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง เช่น ดีดีที (เพราะไม่ค่อยเลือกหรือล้างไม่สะอาด) เป็นต้น
- คนที่ไม่ชอบทานผัก ผลไม้ ทำให้ขาดเส้นใยอาหาร การขับถ่ายอุจจาระไม่เป็นปกติ มีท้องผูกเป็นประจำ
- คนที่มีติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
- แผลเรื้อรังในลำไส้ใหญ่
- ริดสีดวงทวารเรื้อรัง
- คนที่ตัดถุงน้ำดีทิ้งแล้ว
- คนที่ชอบรับประทานอาหารมัน ไขมันสูง
- ชายและหญิงทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ทุก 3-5 ปี
- มีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดปนอุจจาระ ปวดบิดในช่องท้องบ่อย มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะขนาดของอุจจาระ เป็นต้น
- มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากลำไส้อักเสบ
- ตรวจพบว่าเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก ภายใน 6 เดือน
- ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในอจจาระ ภายใน 6 เดือน
- น้ำหนักลดเกิน 5 กิโลกรัม ในช่วงเวลา 1 ปี โดยหาสาเหตุไม่พบ
การรักษา
เมื่อแพทย์ซักถามประวัติแล้วจะมีการตรวจ
- ใช้การตรวจทวารหนักด้วยนิ้วมือโดยแพทย์
- การตรวจเลือดหาสารบ่งบอกว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ CEA หรือ CA 19-9
- การใช้กล้องส่องตรวจทวารหนัก ช่วยให้พบมะเร็งในระยะเริ่มแรกของลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย แต่ไม่อาจส่องตรวจไปถึงลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ซึ่งพบเป็นร้อยละ 20 ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ทั้งหมด
- การส่องกล้อง (colonoscopy) ส่องดูลำไส้ใหญ่ทั้งหมด แล้วเอาชิ้นเนื้อที่ได้จากการส่องกล้องมาตรวจดูเซลล์มะเร็งด้วยกล้องจุลทรรศน์
- อาจต้องใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง สามารถค้นหาติ่งเนื้อขนาด 8 มม. ขึ้นไปได้ถึงร้อยละ 95 และสามารถค้นหาดูมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะต่างๆ ซึ่งมีลำไส้อุดตันและไม่สามารถผ่านกล้องเข้าไปได้ ดูผนังด้านนอกของลำไส้ใหญ่ และอวัยวะภายในช่องท้องซึ่งไม่สามารถเห็นด้วยการส่องกล้อง
- ใช้วิธีการสวนสารทึบรังสีเข้าในลำไส้ใหญ่แล้วเอกซเรย์ดูสภาพลำไส้ใหญ่
แพทย์จะเลือกวิธีใดมารักษาขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วย ตำแหน่ง ขนาดและระยะของโรค ส่วนมากจะใช้การผ่าตัดเอาเนื้อร้ายทั้งหมดร่วมกับเนื้อดี บางส่วนออกไป แล้วต่อลำไส้ที่ดีเข้าหากัน จากนั้นใช้เคมีบำบัดกำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลือ
ส่วนรังสีรักษาสามารถใช้ก่อนผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็งและใช้ตามหลังการผ่าตัดด้วย
แต่ในผู้ป่วยบางรายก็ไม่อาจต่อลำไส้ได้ จำเป็นต้องเปิดลำไส้ไว้ที่ผนังหน้าท้อง ถ่ายอุจจาระทางหน้าท้อง หลังการรักษาควรไปตรวจตามแพทย์นัด เพื่อตรวจดูว่ามะเร็งกลับเป็นซ้ำหรือไม่