| ดัชนีบทความ |
|---|
| เครียด ไมเกรน และคลัสเตอร์ |
| ปวดศีรษะจากความเครียด |
| ปวดศีรษะจากไมเกรน |
| ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ |
| ตารางเปรียบเทียบการปวดศีรษะ |
| ทุกหน้า |
โรคที่ทำให้มีอาการปวดศีรษะ เช่น เมื่อมีปัญหากับสมองโดยตรง เช่น หลอดเลือดในสมองแตก เนื้องอกใน
สมอง มะเร็งสมองจะมีอาการปวดมากๆ เนื้องอกในสมองจะปวดมาก โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนในตอนเช้า, เมื่อความดันในกระโหลกศีรษะสูง, ความเครียด ทำให้ปวดตึงหน้าผาก ขมับ ท้ายทาย, ไมเกรน ปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง, ความดันโลหิตสูง ปวดมึนเวลาความดันโลหิตขึ้นสูง, โรคต้อหิน ปวดศีรษะจากโรคต้อหิน ซึ่งในคนที่มีความดันตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (ต้อหินเฉียบพลัน) จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะบริเวณหน้าผาก ตาแดง เห็นแสงเป็นวง, ภาวะมีไข้สูง เช่น ไข้มาลาเรีย ทำให้ปวดศีรษะมากเวลาจับไข้ เป็นต้น, พยาธิขึ้นสมอง จะปวดมากอย่างไม่เป็นเวลา, ฯลฯ
อาการปวดศีรษะแต่ละอย่างนั้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่ค่อนข้างพอจะจำแนกโรคได้ อย่างเช่น ปวดศีรษะจากความเครียดมักเกิดขึ้นที่บริเวณขมับ ท้ายคอ และอาจมาถึงต้นคอ แต่ปวดศีรษะจากไมเกรนมักเป็นกับศีรษะข้างเดียวเสมอ โดยมีสิ่งกระตุ้นเหมือนๆ เดิมที่ทำให้ปวดไมเกรน การได้ตรวจสอบดูแลอาการตนเองและพอจะวินิจฉัยได้ด้วยตนเองว่าเป็นโรคอะไรจะช่วยในการดูแลตนเองเบื้องต้นได้อย่างถูกวิธีโดยไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อยครั้งเกินไปในชั่วชีวิตหนึ่งอาการปวดศีรษะส่วนใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อตึงเครียด หรือ ความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งมีโรคหลายชนิดที่เกิดกับเนื้อเยื่อที่สมอง กล้ามเนื้อ เส้นเลือดรอบหนังศีรษะทำให้ปวดศีรษะ แต่ก็มีหลายโรคซึ่งเกิดจากพยาธิสภาพขึ้นที่ใบหน้าและไม่มี
นอกจากนั้นยังพบอาการปวดศีรษะที่มีสาเหตุอื่นๆ เช่น
- อาการปวดศีรษะที่เกิดจากสาเหตุกระดูกและกล้ามเนื้อต้นคอ ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดปกติของกระดูกต้นคอ เ่ช่น กระดูกอักเสบ ข้อเสื่อม หมอนกระดูกทับเส้นประสาท หรือเกิดจากกล้ามเนื้อต้นคอมีอาการเกร็งเนื่องจากการที่อยู่ผิดท่าเป็นเวลานานๆ
- อาการปวดศีรษะจากไซนัสอักเสบ ผู้ป่วยจะมีไข้ น้ำมูกไหล มักจะปวดรอบตา แก้ม หรือบริเวณหน้าผาก เช้าๆ ตื่นมาไม่ปวดมาก สายๆ จะปวดมากขึ้น เวลาเคลื่อนไหวศีรษะจะปวดมากขึ้น
ปวดศีรษะจากความเครียด
อาการ ปวดศรีษะเวลาเครียด เกิดขึ้นที่ขมับสองข้าง รวมทั้งหน้าผากและท้ายทอย เหมือนมีอะไรมาบีบรัดจนหนักหัว เพราะมีหการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ ต้นคอ ขากรรไกร หากเรื้อรังอาจปวดลามไปถึงหัวไหล่ ส่วนใหญ่ปวดเป็นเวลานาน อาการปวดจะหายเมื่อผ่านไป 1-4 ชั่วโมง บางคนเครียดแล้วมีอาการแน่นหน้าอกด้วย ใจสั่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง และอาจนอนหลับยากด้วย
ผลข้างเคียง เครียดบ่อยอย่างเรื้อรังจะมีผลรบกวนการทำงานของกระเพาะอาหาร กรดในกระเพาะอาหารหลั่งมากเกินไป ทำให้ความดันโลหิตสูง รบกวนการนอนหลับ จิตใจไม่สบาย คิดอะไรไม่ค่อยออก และรบกวนการทำงาน หากมีปัญหาเครียดมากจนไม่อาจแก้ด้วยตนเองได้ควรพบแพทย์ ซึ่งจะมียาคลายเครียดและควรหาทางผ่อนคลายเมื่อมีความเครียด อย่าตั้งเป้าหมายไว้สูง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษา ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบความผิดปกติ นอกจากข้อมูลการปวดศีรษะที่ผู้ป่วยเล่าให้แพทย์ฟัง อาจทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล เมื่อมีอาการปวด อีกทางเลือกหนึ่งคือ การนวดแผนไทยเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายอารมณ์ ฝึกสมาธิ ฝึกโยคะ จัดระเบียบชีวิตให้รู้ถึงความสำคัญก่อน-หลัง โรคนี้สามารถหายขาดได้ แต่ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเป็นสำคัญ นอกจากนั้นเวลาทำงานควรมีอิริยาบถที่ถูกต้อง ท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่าก้มเก็บของ คนที่ต้องนั่งโต๊ะทำงานควรจัดให้เก้าอี้สูงพอดีกับการวางมือเขียน สายตาก้มลงเล็กน้อย แสงสว่างพอเหมาะเพื่อป้องกันความเครียดจากท่านั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม
ปวดศีรษะจากไมเกรน
อาการ ส่วนใหญ่ปวดศีรษะข้างเดียวเป็นๆ หายๆ (สองในสามของผู้ป่วยจะปวดข้างเดียว อีกหนึ่งในสามจะปวดศีรษะทั้งสองข้าง) ปวดตุ๊บๆ บ่อยๆ ครั้งละ 4-72 ชั่วโมง อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนบ่อยร่วมด้วย ความรุนแรงของการปวดแต่ละครั้งต่างกันเวลาที่ปวดขึ้นอยู่กับสิ่งกระตุ้น บางรายมองเห็นแสงไฟแฟลชแวบเข้ามาในดวงตาก่อนเป็นอาการนำแล้วจึงปวด บางคนมีอารมณ์เครียดก่อนแล้วจึงปวดศีรษะ สิ่งที่กระตุ้นให้ปวดคือ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มสุรา ทานผงชูรสมาก เนย นม ช็อกโกแลต ชา กาแฟ เสียงดัง แสงสว่างมาก เชื่อว่าเกิดจากหลอดเลือดภายในหรือภายนอกศีรษะหดตัวหรือขยายตัวมากเกินไป เพราะร่างกายของผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเหล่านี้มากเกินไป
การรักษา ควรพบแพทย์ ซึ่งจะตรวจสภาพร่างกายไม่พบสิ่งผิดปกติ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ อาศัยเพียงประวัติจากการบอกเล่าของผู้ป่วยเท่านั้น แพทย์จะให้ยามารับประทาน เวลาปวดศีรษะให้ทานยาพาราเซตามอล แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาที่แพทย์ให้มา หากมีอาการคลื่นไส้มากให้ทานยาแก้คลื่นไส้ และต้องดูแลตนเองให้พ้นจากสิ่งกระตุ้นให้ปวดศีรษะ คือ
- นอนพักผ่อนเพียงพอ เข้านอนเป็นเวลา ผ่อนคลายความเครียด
- ออกกำลังกายแต่พอเหมาะให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น
- บริหารบ่าไหล่ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ไม่เก็บสะสมกรดแลกติก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ปวดศีรษะ ซึ่งต้องอาศัยความช่างสังเกตด้วยว่าจะปวดศีรษะเพราะอาหารชนิดใด จึงควรมีสมุดจดบันทึกว่าตนเองมีปัจจัยอะไรทำให้ปวดศีรษะบ้าง
- นอกจากนั้นควรพกยาติดตัวเวลาไปทำงานนอกบ้าน คนที่มีอาการรุนแรงแพทย์จะให้ยาป้องกัน
ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์
อาการ ปวดแบบนี้รุนแรงมาก มักจะพบในผู้ชาย คาดว่าเกิดจากหลอดเลือดใกล้ตาเกิดการขยายตัวมาก เส้นประสาทใกล้เคียงเกิดการอักเสบ มีการหลั่งสารฮีสตามีนและสร้างความเจ็บปวด มักเกิดกับตาข้างเดียวโดยเกิดที่ด้านหลังของเบ้าตา อาการจะปวดตุ๊บๆ ที่รอบดวงตาข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งมักมีตาข้างนั้นบวมแดง มีน้ำตาไหล คัดจมูกด้วย และยังรู้สึกร้อนแปลบๆ ที่หน้าผากเหมือนมีมีดมาทิ่มจนอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ต้องเดินไปเดินมา มักปวดในตอนกลางคืนและปวดตรงเวลาทุกคืนนาน 10-20 นาที ผู้ป่วยมักมีประวัติสูบบุหรี่จัด ดื่มเหล้าจัด เครียดตลอดเวลา หรือไม่ถูกกับอาหารบางชนิด
การรักษา ใช้ยาแก้ปวดได้ชั่วคราว เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด หรือแอสไพริน แต่ควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากมียาป้องกัน เช่น แอนตี้ฮีสตามีน อินโดเมทาซีน ลิเธียมคาร์บอเนต และยาคลายเครียดซึ่งต้องใช้ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ นอกจากนั้นควรดูแลสุขภาพร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอและผ่อนคลายความเครียด

ความต่างของ ไมเกรน คลัสเตอร์ และปวดจากเครียด

- ไซนัสอักเสบ จะปวดบริเวณโพรงไซนัส คือ หน้าผาก จมูก และข้างจมูกสองข้าง
- ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ จะปวดลึกๆ ที่กระบอกตาข้างใดข้างหนึ่ง
- ปวดศีรษะเพราะความเครียด จะปวดตึงที่หน้าผาก ขมับ และปวดตึงท้ายทอย ปวดศีรษะแบบไมเกรนจะเกิดที่ศีรษะซีกใดซีกหนึ่งเป็นประจำ
เว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลความรู้และคำปรึกษาปัญหาสุขภาพต่างๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง










Founder :