ใครว่าเรื่องของอาการก่อนวัยทองเป็นเรื่องใกลตัวจริงอยู่แต่เดิมนั้นตำรับตำราเขียนเอาไว้ว่าผู้หญิงเราจะเริ่ม
มีอาการก่อนจะเข้าสู่วัยทองในช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป ก่อนที่จะหมดรอบเดือนจริงๆ เมื่ออายุเฉลี่ย 50 ปีไปแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอาหารสำเร็จรูป น้ำตาล กาแฟ เหล้า บุหรี่ ล้วนแต่เป็นตัวเร่งให้คุณผู้หญิงวัยปลายสามสิบ เริ่มก้าวย่างเข้าสู่วัยทองก่อนเวลาอันสมควร
หนึ่งในอาการก่อนเข้าวัยทองนั้นได้แก่อาการที่เรียกว่า Hot flushes หรือสะบัดร้อนสะบัดหนาว ไปจนถึงเหงื่อแตกพลั่กชนิดระงับไม่อยู่ อาการ Hot flushes นี้นับว่าพบได้บ่อยที่สุดในอาการทั้งหมดของผู้หญิงวัยทอง ซึ่งอาจจะตามมาด้วยอาการหน้าอกคัด เจ็บหน้าอกหงุดหงิด อาละวาดเหมือนใกล้จะบ้าหรือไม่ก็ซึมเศร้า จิตตกจนอยากฆ่าตัวตาย แต่เอาเป็นว่าหากเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวแล้วล่ะก็ลองหันมาดูแลตัวเองกันสักนิดนึุงได้แล้ว
งานวิจัยพบว่าผู้หญิงกว่า 75% จะมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวหรือเหงื่อแตกพลั่กในช่วงก่อนหมดรอบเดือน มีคุณผู้หญิงจำนวนน้อยมากที่จะโชคดีไม่ต้องประสบพบพานกับอาการดังกล่าว แต่ที่ร้ายก็คือมีคุณผู้หญิงจำนวนมากถึง 25-30% ที่มีอาการค่อนข้างจะรุนแรงประเภทเหงื่อแตกพลั่กตอนกลางคืน จนเสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้งเปียก จนนอนหลับต่อไม่ได้ หรือบางคนเหงื่อไหลพลั่กๆ เวลากลางวันจนเสื้อผ้าเปียกแฉะ เสียบุคลิกเป็นอย่างยิ่ง อาการดังกล่าวนั้นอาจเกิดขึ้นได้วันละครั้งไปจนถึงวันละหลายๆ ครั้ง และอาจเป็นได้ตั้งแต่หนึ่งนาทีไปจนถึงห้านาที หากบางคนเป็นกันทุกๆ 1 ชั่วโมง เรียกว่าทั้งวันต้องเจอกับอาการร้อนๆ หนาวๆ ไปจนถึงเหงื่อแตกกันเกือบทั้งวัน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณผู้หญิงวัยนี้เริ่มมีอาการเหงื่อแตก ร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบไปหมดนั้นเชื่อว่าเกิดจากความแปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ ของฮอร์โมนเพศหญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอสโตรเจน เมื่อเอสโตรเจนเริ่มหดหายก็จะไปกระตุ้นสมองส่วนที่ทำหน้าที่ในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เราจะพยายามรักษาอุณหภูมิให้อยู่กับที่ ที่ประมาณ 37 องศา หากขาดเอสโตรเจนก็จะทำให้ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในร่างกายทำงานผิดปกติ รู้สึกร้อนเร็วกว่าคนอื่น เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นก็ย่อมไปกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวนำเลือดมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น คุณจึงรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวหรือ Hot flushes ร้อนวูบๆ วาบๆ ไปจนถึงกระตุ้นให้เหงื่อแตกเพราะการขับเหงื่อของร่างกายนั้นก็เป็นอีกวิธีทางหนึ่งที่ร่างกายเราพยายามปรับตัวลดอุณหภูมิความร้อนภายในนั่นเอง และจะเป็นมากเป็นน้อยก็ขึ้นอยู่กับความไวของเซลล์ผิวหนังแต่ละคนว่าจะทำงานหนักในการขับเหงื่อหรือกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัวได้มากน้อยแค่ใหน
แม้ว่าคุณผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถผ่านช่วงเวลาก่อนวัยทอง 3-5 ปีนี้ไปได้โดยไม่มีปัญหา แต่คุณผู้หญิงถึง 1 ใน 3 อาจมีอาการวูบวาบและเหงื่อออกอย่างมากจนคุณภาพชีวิตเสีย ลองมาดูซิว่าเราจะมีวิธีการลดอาการดังกล่าวด้วยวิธีธรรมชาติได้อย่างไรบ้าง
- งานวิจัยที่ทำโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ Maryland ในสหรัฐอเมริกาพบว่าอาสาสมัครคุณผู้หญิง 338 คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกิน หากสามารถลดน้ำหนักตัวลงได้สัก 10% ภายในเวลา 6 เดือน จะมีอาการวูบวาบ Hot flushes และเหงื่อออกนั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากใครที่รู้ตัวว่าน้ำหนักเริ่มจะเกินพิกัดก็คงจะต้องรีบหาทางกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน เพื่อช่วยให้อาการก่อนวัยทองนี้หายไปโดยเร็ว
- ออกกำลังกายให้ได้เป็นประจำ แม้บางคนจะเถียงว่าเวลาออกกำลังกายก็เหงื่ออกมากมาย เลอะเทอะไปหมดแล้วยังจะให้ออกกำลังกายอีกหรือ แต่จริงๆ แล้วการออกกำลังกายนั้นจะเป็นการปรับอุณหภูมิในร่างกาย ช่วยขับของเสียออกตามธรรมชาติ คุณก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกวูบวาบสะบัดร้อนสะบัดหนาวในช่วงเวลาอื่น
- หยุดสูบบุหรี่ พบว่าคุณผู้หญิงที่สูบบุหรี่นั้นจะมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวนี้ได้มากกว่าคุณผู้หญิงที่ไม่เคยแตะต้องสัมผัสกับบุหรี่เลย เอาเป็นว่าอะไรที่เป็นของเสียคุณก็พยายามหลีกเลี่ยงเสียเถิด
- นอกนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจเร่งหรือกระตุ้นให้คุณมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวมากขึ้นอันได้แก่ เครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ แม้กระทั่งน้ำชา กาแฟที่มีคาเฟอีนก็ควรจะจำกัดเอาไว้ไม่ให้เกินวันละ 1 แก้ว ที่สำคัญอาหารที่มีรสจัดเผ็ดร้อนจะเผ็ดพริกขี้หนูหรือเผ็ดพริกไทยดำก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นการเร่งหรือกระตุ้นให้คุณเหงื่อออกมากยิ่งขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยง
- เพิ่มการรับประทานอาหารจำพวกถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลืองไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลืองหรือเต้าหู้หรือแม้กระทั่งซุปเต้าเจี้ยวแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ก็เพราะสารต้านอนุมูลอิสระ Isoflavone ที่อยู่ในถั่วเหลืองนั้นจะมีผลช่วยควบคุมอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว ช่วยทดแทนเอสโตรเจนธรรมชาติที่หายไป เพราะ Isoflavone นั้นมีคุณสมบัติเป็นไฟโตเอสโตรเจน (Phyto-Estrogen) หรือเป็นเอสโตรเจนธรรมชาติจากพืชนั่นเอง จึงช่วยให้อาการก่อนเข้าวัยทองของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลง
- ปรับอุณหภูมิห้องทำงาน ห้องนอนให้เย็นกว่าอากาศข้างนอก อาจจะต้องเปิดพัดลมหรือเปิดหน้าต่างในวันที่มีลมพัดผ่านหรือหากจำเป็นก็ต้องใช้ Air-condition ปรับอุณหภูมิให้เย็นสักนิด ก็จะช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนออกมาได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องเหงื่อแตก
- ควรจะมีแก้วน้ำใบใหญ่ใส่น้ำแข็งและน้ำเปล่าเย็นเฉียบอยู่ใกล้ตัวเสมอ คอยจิบน้ำตลอดทั้งวันป้องกันอาการขาดน้ำ เพราะเวลาที่คุณรู้สึกร้อนวูบวาบ จะเหงื่ออกหรือไม่ออกก็ตามคุณกำลังสูญเสียน้ำ เพราะน้ำจากตัวคุณจะถูกระเหยออกไปข้างนอก ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้มีอาการวูบวาบมากขึ้น คุณจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำตลอดทั้งวันและถ้าจะให้ดีเลือกน้ำดื่มที่เย็นจัดก็จะช่วยลดความร้อนรุ่มภายในร่างกาย
- แน่นอนควรจะต้องผ่อนคลายความเครียด เพราะฮอร์โมนแห่งความเครียดโดยเฉพาะเจ้าตัวคอร์ติซอล (Cortisol) จากต่อมหมวกไตนั้นจะกระตุ้นให้คุณผู้หญิงหลายคนมีอาหาร Hot flushes มากยิ่งขึ้น ควรนอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลาในช่วงหัวค่ำและตื่นตอนเช้าอาจใช้การนั่งสมาธิฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ หรือออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะ จะช่วยให้คุณมีสมาธิ มีจิตที่สงบนิ่งดียิ่งขึ้น
แต่ในกรณีที่ใช้วิธีธรรมชาติทั้ง 8 วิธี ดังกล่าวแล้วก็ยังไม่ค่อยจะบรรเทาอาการลงไปได้เห็นทีจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะเลือกใช้ฮอร์โมนเสริมให้ถูกกับสุขภาพของคุณๆ ในปัจจุบันนั้นมีการวิจัยและพบว่าเอสโตรเจนเสริมในรูปของยาทา ไม่ว่าจะเป็นยาครีมเจลหรือเป็นแผ่นปิดเอาไว้ที่ผิวหนังจะปลอดภัย ไม่ค่อยมีข้อแทรกซ้อนกับปัญหาเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจเลือดแข็งตัวหรือมะเร็งเต้านม แต่อย่างใด แต่ที่สำคัญคืออาจจำเป็นที่จะต้องปรับฮอร์โมนเพศหญิงควบคู่กันไปทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรน โดยพบว่าคุณผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดอย่างสมดุลนั้นจะสามารถลดอาการของงวัยทองต่างๆ ได้ดีโดยไม่พบข้อแทรกซ้อน แต่ที่สำคัญคือใช้ฮอร์โมนในปริมาณน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องไปจนอายุถึง 60 ปีหรอกนะคะ เพียงแค่ช่วงเวลาปีสองปีที่มีอาการวัยทองมากมายจนคุณภาพชีวิตเสียก็เห็นทีจะต้องเลือกใช้ฮอร์โมนเสริม
นอกเหนือจากฮอร์โมนแล้วยังมีงานวิจัยว่าอาจใช้ยารักษาโรคจิตตกซึมเศร้า Antidepressant บางชนิดช่วยลดอาการ Hot flushes ได้ด้วยเช่นกัน หรือยาลดความดันโลหิตสูงบางประเภทเช่น Clonidine หรือยาแก้ลมชัด Gabapentin ก็สามารถช่วยลดอาการ Hot flushes ได้ในรายที่เป็นมากจนไม่สามารถจะมีชีวิตเป็นปกติสุขในแต่ละวัน
สำหรับอาหารเสริมอื่นๆ ที่น่าจะได้ผลบ้างในการช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนนั้นได้แก่ อาหารเสริมที่เรียกว่า DHEA วันละ 25-50 มิลลิกรัม DHEA นั้นเป็น Mother of the hormone หรือจะว่าไปแล้วเป็นฮอร์โมนที่มีมากที่สุดในร่างกายเรา และร่างกายเราจะนำ DHEA นี้ไปเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นฮอร์โมนที่ต่อสู้กับความเครียด ดังนั้นหากคุณผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง เริ่มมีอาการผิดปกติต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้ฮอร์โมนน่าจะลองรับประทานอาหารเสริม DHEA ดู พบว่าช่วยให้คุณผู้หญิงกว่าครึ่งหนึ่งสามารถปรับสมดุลของฮอร์โมนได้ดี โดยไม่จำเป็นที่ต้องไปใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์เสริม
เอาล่ะค่ะคงต้องทำใจว่าเกิดเป็นคุณผู้หญิงแล้วก็ต้องผ่านแต่ละช่วงของชีวิตตั้งแต่เริ่มเป็นสาวมีรอบเดือนครั้งแรกให้ตกอกตกใจไปจนถึงการตั้งครรภ์มีบุตรแล้วก็สุดท้ายเมื่อรังไข่เริ่มฝ่อ มดลูกเหี่ยว ฮอร์โมนเริ่มหดหายหยุดทำงาน เราก็จะต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเหล่านี้ไปได้อย่างมีความสุขที่สุดค่ะ
อ้างอิง : Health Plus Magazine