มันอาจเป็นยาอายุวัฒนะครับ งานหลักของมันคือ ให้พลังงานแก่เซลล์หัวใจและกล้ามเนื้อลาย ทั้งยังช่วยในการรักษาโรคหัวใจ ลดอาการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อลาย ทั้งยังช่วยในการรักษาโรคหัวใจ ลดอาการเจ็บแน่นหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ช่วยในการควบคุมภาวะน้ำตาลต่ำในเลือด ทั้งยังอาจช่วยชะลอการดำเนินโรคของอัลไซเมอร์ และอาจมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โรคตับ และโรคไต
แอล-คาร์นิทีน มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ให้เป็นพลังงาน นักกีฬาจึงนำไปใช้เพื่อให้สามารถออกกำลังหนักๆ ได้ทนทานขึ้น
เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งอาหารหลักที่มีแอล-คาร์นิทีน ไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับกรดแอมิโนชนิดนี้ แต่คนอเมริกันรับประทานโดยเฉลี่ยนประมาณวันละ 100-300 มก. ในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผมแนะนำให้รับประทานเม็ดแคปซูลขนาด 500 มก.ต่อวัน สิ่งที่พบได้น้อยมากแต่อาจเกิดขึ้นได้คือ ผู้ที่รับประทานคาร์นิทีนเกินกว่า 1 กรัมต่อวัน อาจมีกลิ่นตัวคล้ายกลิ่นคาวปลา (เกิดจากการย่อยสลายของคาร์นิทีน โดยแบคทีเรียในลำไส้) แต่กลิ่นมักหายไปเองเมื่อลดขนาดที่รับประทานลง
ข้อควรระวัง: คาร์นิทีนมีสองชนิดด้วยกันคือ แอล-คาร์นิทีน และ ดี-คาร์นิทีน ให้เลือกแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีแอล-คาร์นิทีนเท่านั้น เนื่องจากมีผลการศึกษาบางแห่งพบว่าดี-คาร์นิทีนอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ หากคุณเป็นโรคหัวใจ ห้ามรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้หรือชนิดอื่นๆ ก่อนปรึกษาแพทย์ประจำตัว