DooHealthy

ขออนุญาตนำเสนอบทความที่มีประโยชน์นี้ต่อเพื่อนสมาชิก DOOHEALTHY ครับ

พลังรักนั้นยิ่งใหญ่บำบัดได้ทุกโรค แต่ถ้ารักไม่เป็นก็อาจทำร้ายสุขภาพใจและกายอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ทำความรู้จักกับหลากโรค หลากอาการทั้งดีและร้ายที่มาจากความรัก แม้ทางกายภาพความรักจะไม่สามารถทำให้ดวงตามืดบอดลงได้จริงอย่างที่วิลเลียม เชกสเปียร์ กล่าวไว้ว่า" Love is blind" ลงในบทประพันธ์ แต่ก็เป็นคำเตือนถึงพิษสงของความรักได้ดี การทำความรู้จัก"ความรัก" ให้ครบทุกแง่มุมจึงอาจช่วยให้มนุษย์นำพลังของความรักมาใช้ได้ถูกวิธีและหลีกหนีด้านมืดของความรักได้

พลังรักบำบัดโรค

ความรักเป็นพลังใจให้ยึดเหนี่ยวยามกาย – ใจอ่อนล้า นักวิจัยค้นพบว่า ความรักมีพลังวิเศษส่งเสริมร่างกายให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ศาสตราจารย์ ดร.แฮร์รี่ เรอีส คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยรอเชสเตอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงประโยชน์ของความรักต่อสุขภาพว่า "ความรักทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกว้าเหว่อบอุ่นใจ และมีความสุขร่างกายจึงทำงานเป็นปกติ และการมีคนรักยังทำให้มนุษย์รู้สึกใส่ใจตัวเอง ซึ่งรวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพด้วย" แง่งามของความรักที่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง มีดังนี้ ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง เพราะมีอารมณ์ด้านบวกมากกว่าลบ ร่างกายจึงหลั่งแต่สารแห่งความสุขที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน เจ็บปวดน้อยลง เมื่อมีคนรักอยู่ใกล้ๆ หรือรับรู้ว่ามีคนรักคอยให้กำลังใจ สมองจะรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงกว่าปกติ ร่างกายฟื้นตัวเร็ว ผลการศึกษาจากวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยโอไฮโอ ประเทศสหรัฐ-อเมริกา พบว่า ผู้ที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มว่าร่างกายจะเยียวยาบาดแผลได้เร็วกว่าผู้ที่เป็นโสด ลดความดันโลหิต ผู้ที่รับรู้ว่าตนเองมีคนให้ความรักและให้กำลังใจจะมีความมั่นคงทางอารมณ์ มากกว่าคนปกติ หัวใจจึงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบความดันโลหิต นอกจากนี้ยังพบว่า ความรักส่งผลให้มีความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าน้อยลง เราจึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่หัวใจเปี่ยมไปด้วยรัก คือผู้ที่มีสุขภาพกายและใจเป็นเลิศ แม้พลังรักจะมีข้อดีมากมาย แต่ถ้ารักไม่เป็น ความรักนั้นก็จะกลายเป็นรักร้ายทำลายหัวใจและส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เหมือนกัน

รักไม่เป็น ทำร้ายสุขภาพใจและกาย

เมื่อมีความรักเราอาจต้องเตรียมรับความผิดหวังไว้ด้วย ระหว่างทางของความรักมักมีความทุกข์มาทักทายเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดจบ รักไม่เป็นจะเห็นผลที่เกิดขึ้นกับสุขภาพใจและกายได้ดังนี้

รักแล้วเครียด ความรักไม่ใช่สาเหตุทำให้คนป่วยหรือเป็นโรคทางจิต แต่เมื่อผิดหวังจากความรักแล้วเกิดความเครียด ในทางการแพทย์ถือว่า สภาพจิตใจที่ขุ่นมัวอันเกิดความเครียดนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคต่างๆ ได้อย่างดี ซึ่งหากเป็นความเครียดชั่วคราวและสามารถปรับตัวได้ก็จะไม่ป่วยเป็นโรค แต่หากปรับตัวไม่ได้ ความเครียดจะกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีออกมาผิดปกติทำให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และหากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการทรุดหนักจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย หรือก่อให้เกิดโรคทางจิตชนิดอื่น เช่น โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเภท และอาการประสาทหลอน

ความเครียดอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคทางกายที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอยู่แล้วด้วย เช่น โรคหอบจากอารมณ์ (Hyperventilation) อาจเป็นเหตุให้หลอดเลือดซึ่งนำเลือดไปเลี้ยงหัวใจแข็งตัวเป็นลิ่ม ทำให้เกิดอาการเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน หรือกระตุ้นให้เกิดโรคเรื้อรังชนิดอื่นด้วยเช่น โรคความดันโลหิตสูง เพราะความเครียดจะส่งผลให้ใจเต้นเร็วและสมองหลั่งสารที่ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานผิดปกติ

นอกจากนี้ อาการทางร่างกายและจิตใจเมื่อผิดหวังในความรักยังก่อเป็นอาการของโรคที่เรียกว่า Broken Heart Syndrome หรือ Takotsubo Cardiomyopathy ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงชั่วคราว ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเหมือนโรคหัวใจ หลังประสบภาวะตึงเครียดรุนแรง เช่น การสูญเสียบุคคลที่รัก โดยพบได้บ่อยในหญิงวัยกลางคน

รักแรง โกรธแรง เกลียดแรง

หลายคู่รักเก็บตะกอนความโกรธขึ้งอยู่ในใจ และเก็บงำความไม่พอใจจนเป็นปัญหาชีวิตคู่ ความโกรธแค้นอันมีที่มาจากความรักจะเป็นตัวการก่อโรคร้ายให้คนทั้งสอง หนังสือ The Heart Mind Connection กล่าวถึงผลเสียของความโกรธว่า ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ และเกิดอาการเจ็บหน้าอก (Angina Pectoris) โดยมีการทดสอบผู้ชาย 1,305 คน อายุเฉลี่ย 61 ปี ไม่มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจ พบว่า อารมณ์โกรธส่งผลโดยตรงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และจากการติดตามผลเป็นเวลากว่าเจ็ดปี พบว่า หากพวกเขายังไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ พวกเขาจะมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ

เมื่อรักแล้วเศร้าโศกเสียใจบางครั้งความรักก็ทำให้คนมีรักเศร้าโศกเสียใจ วิตกกังวล ความกังวลในตัวคนรัก เช่น ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียเขาไป หากเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวย่อมไม่เป็นปัญหา แต่หากบุคคลนั้นมีอาการทางจิต ซึ่งทำให้ไม่สามารถขจัดความรู้สึกนี้ไปได้ในเวลาอันสั้น (Acute AnxietyDisorders)และหากไม่ได้รับการเยียวยา ก็จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เพราะชั่วขณะที่เกิดความรู้สึกวิตกกังวลอย่างรุนแรง หัวใจจะเต้นเร็ว ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและบีบตัวไม่ทัน



มีข้อแนะนำอยู่ 4 วิธี "รักให้เป็น" เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากความรัก ดังนี้
ท้ายนี้มีบทสรุปถึงแนวทางหลีกเลี่ยงหลากโรคร้ายทางความรัก "รักอย่างไรให้ห่างไกลรักร้ายและโรคภัย "

1. นับถือคุณค่าของตนเอง เพราะการที่คนรักจากเราไปไม่ได้หมายความว่าคุณค่าในตัวเราลดลง เพราะคุณค่าของคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกของใคร
2. มีสติรู้ตัวเสมอ เพื่อเป็นเครื่องมือในการยับยั้งอารมณ์ชั่ววูบ เช่น ฆ่าตัวตายหรือทำร้ายร่างกายคนที่รัก
3. ไม่คาดหวังในตัวคนรักมากเกินไป เพราะยิ่งความคาดหวังห่างไกลความเป็นจริงเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ทรมานมากขึ้น ควรยอมรับข้อเสียของเขา และมองถึงข้อดีมากกว่าคาดหวังให้คนรักเป็นดั่งที่เราต้องการ
4. หมั่นสื่อสารกับคนรักให้ถูกวิธี ปัญหาส่วนใหญ่ในชีวิตคู่ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการที่แต่ละฝ่ายไม่สื่อสารกัน หรือสื่อสารกันผิดวิธี เช่น พูดในเชิงตำหนิหรือประชดประชัน ทำให้อีกฝ่ายต่อต้านและเกิดเป็นปัญหาครอบครัวในที่สุด