ทีกรีน 97 ( 120 แคปซูล) ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากชาเขียวจากแหล่งใบชาเขียวที่ดีที่สุดในมณฑลเจ๋อเจียง
ประเทศจีน ใช้วิธีการเก็บและสกัดที่เฉพาะเพื่อให้ได้สารสำคัญ-โพลีฟีนอลในปริมาณสูง ที่สุดถึง 97% และปราศจากคาเฟอีน
ประโยชน์ต่อสุขภาพ :
- เสริมการทำงานของระบบต่อต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย
- ปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์และสารพันธุกรรมของเซลล์ จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
- ต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอการเสื่อมของร่างกาย - พบว่าเมื่อให้รับประทานสารสกัดชาเขียวต่อเนื่องกัน 12 สัปดาห์จะสามารถเพิ่มปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ (SOD) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- เพิ่มการตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง สาร EGCg (epigallocatechin gallate) สามารถยับยั้งสารกระตุ้นที่เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
- ใช้ร่วมกับสารสกัดจากเห็ดหลินจือในการยับยั้งการกระจายตัวของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยให้ร่างกายลดการสะสมไขมันส่วนเกิน
ส่วนประกอบสำคัญ : ชาเขียวสกัด 250 มิลลิกรัม ( โพลีฟีนอล 97%)
การรับประทาน : ครั้งละ 1 - 2 แคปซูล พร้อมอาหาร เช้า เย็น
Clinical Study
ผลการศึกษาทางวิทยาศาตร์ของสารสกัดชาเขียว
ความจริงทางวิทยาศาสตร์ของชาเขียว ชาเขียวเสริมระบบต่อต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย สารสำคัญในชาเขียวมีอยู่หลายชนิด แต่มีเพียงชนิดเดียว ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง นั่นคือ สารโพลีฟีนอล ดังนั้น การสกัดชาเขียวเพื่อให้ได้ปริมาณโพลีฟีนอลสูงถึง 97% จึงมีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพสูงสุด
สารกลุ่มโพลีฟีนอลจากชาเขียวยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
จากการศึกษาโดยทำในจานทดลองด้วยการเติมสารสกัดชาเขียว (โพลีฟีนอล 97% คาทีชิน 65%) ลงในจานทดลอง 3 ชุด และวางไว้ในอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 72 ชั่วโมง พบว่า
จานทดลองที่ 1 เลี้ยงเซลล์ปกติ ไม่พบการเปลี่ยนแปลง จำนวนของเซลล์ ยังเติบโตอย่างปกติ
จากทดลองที่ 2 เป็นเซลล์มะเร็ง BT-20 พบว่าเซลล์มะเร็งลดจำนวนลง
จานทดลองที่ 3 เป็นเซลล์มะเร็ง Hela พบว่าเซลล์มะเร็งลดจำนวนลง
สรุป : สารกลุ่มโพลีฟีนอล (คาทีชิน) จากสารสกัดชาเขียวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง (Hela, BT-20) ได้โดยไม่มีผลต่อการเจริญหรือสุขภาพของเซลล์ปกติ
ชาเขียวกับอาการ Metabolic Syndrome X
คนอ้วนหรือผู้ที่มีน้ำหนักเกิน มักพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันเลือดสูง และมีระดับอินซูลินในเลือดสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งอาการเหล่านี้จะรู้จักกันในนาม Metabolic syndrome X หรือ Insulin Syndrome (อาการดื้อต่อินซูลิน)
การศึกษาในหนูทดลอง 44 ตัว โดยมีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 190-210 กรัม หนูเหล่านี้กลุ่มหนึ่งถูกเลี้ยงด้วยชาเขียวสกัด ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มควบคุมให้ยาหลอก ทุกตัวได้รับอาหารที่ให้พลัีงงานสูงเป็นเวลา 56 วัน ส่งผลให้หนูมีน้ำหนักเพิ่มและอ้วน ความไวต่ออินซูลินลดลง 13%
กลุ่มหนูทดลองที่ได้รับสารสกัดจากชาเขียวแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากชาเขียว 25 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และกลุ่มที่ได้รับสารสกัดจากชาเขียว 75 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทำการตรวจเลือดเมื่อผ่านไป 8 สัปดาห์ ผลการทดลองดังแสดงในกราฟ
สรุป : สารสกัดจากชาเขียวช่วยให้เมตาบอลิซึมของไขมันและน้ำตาลทำงานดีขึ้น, เสริมความไวต่ออินซูอิน และช่วยให้เกิดสมดุลระหว่างการสะสมไขมันและการเผาผลาญไขมัน จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า โพลีฟีนอลจากชาเขียวโดยเฉพาะคาทีชิน ช่วยลดความเสี่ยงของอาการที่เรียกว่า Metabolic Syndrome X ได้
ชาเขียวยับยั้งสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
การศึกษาในผู้ชาย 52 คนอายุระหว่าง 20-51 ปี เพื่อศึกษาผลของชาเขียวต่อการป้องกันการเกิดกลายพันธุ์ของเซลล์จากควันบุหรี่ พบว่าความถี่ของการเกิดการกลายพันธุ์จากควันบุหรี่ของผู้ที่สูบบุหรี่และได้รับชาเขียวลดลงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับชาเขียว
ชาเขียวสกัดกับการปกป้องผิว
การศึกษาโดยแผนกผิวหนังแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในผู้หญิงสุขภาพดี 35 คนโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่รับประทานชาเขียวสกัด โพลีฟีนอล 97% และคาทีชิน 65%) วันละ 300 มิลลิกรัมต่อวัน และทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากชาเขียว 10% และกลุ่มควบคุม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ จากนั้นทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวพบว่า กลุ่มที่รับประทานชาเขียวสกัดและทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากชาเขียวนั้น ชั้นอิลาสตินและคอลลาเจนมีความหนาขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
สรุป : เมื่อใช้สารสกัดจากชาเขียวเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ทำให้ผิวชั้นนอก คอลลาเจอน อิลาสติน หนาตัวขึ้น เม็ดสีและการเกิดการอักเสบของผิวมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นซึ่งช่วยชะลอการแก่ของผิว โพลีฟีนอลจากชาเขียวสกัดมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิิสระประสิทธิภาพสูง สามารถปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระและการทำลายจากแสงยูวี จึงช่วยชะลอการแก่ของผิว ลดการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป ผิวจึงสดใส นอกจากนี้โพลีฟีนอลยังส่งเสริมการสร้างอิลาสตินและคอลลาเจนจึงทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ชาเขียว...
ค้นความลับจากธรรมชาติ สู่สุภาพและชีวิตที่ยืนยาว
ชา.. มีการปลูกกันทั่วโลกในแต่ละภูมิประเทศต่างๆ
ชา.. ที่มีคุณภาพดีที่สุดต้องได้มาจากใบอ่อน 2-3 ใบแรกที่มีตาอ่อน
ชา.. จะมีลักษณะแตกต่างกันตามพื้นที่เพาะปลูก ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ เทคนิคการปลูก รวมถึงการเก็บเกี่ยว
ชาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำ
ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นดื่มชาเป็นประจำเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ และชีวิตที่ยืนยาวจนเป็นที่สนใจแก่นักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตก ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับชาเขียวมากมาย สารสำคัญในชาเขียวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพคือ กลุ่มของสาร "โพลีฟีนอล (Polyphenol)" มีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระ
จิบชาแก้เครียด
สังเกตบ้างหรือไม่ว่าหลังจากเราดื่มชาเราจะรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่าในชาเขียวมีสารประกอบที่ชื่อ "ทีเอนินช่วยให้สมองปลดปล่อยคลื่นสมองที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย"
บทบาทสำคัญของชาเขียวที่มีผลดีต่อสุขภาพร่างกาย
สิ่งที่มีผลเสียต่อการมีชีวิตที่ยืนยาว
โรคหัวใจ (Heart disease) ประโยชน์จากชาเขียว ลดระดับคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ และความดันเลือดและป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือด
โรคมะเร็ง (Cancer disease) ประโยชน์จากชาเขียว ยับยั้งสภาวะเริ่มต้น และสิ่งที่ส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็ง
โรคเบาหวาน (Diabetes) ประโยชน์จากชาเขียว ช่วยให้น้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ และการทำงานของอินซูลินเป็นปกติ
การดำเนินชีวิตที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ประโยชน์จากชาเขียว ผลทางอ้อม เนื่องจากคนที่ดื่มชาเขียวจะสูบบุหรี่น้อยกว่า และมีการออกกำลังกายมากกว่า
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ประโยชน์จากชาเขียว เสริมภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
มลพิษแวดล้อม ประโยชน์จากชาเขียว ส่งเสริมการทำงานตามปกติของตับในการกำจัดสารพิษของร่างกาย
การทำงานของจิตใจผิดปกติ ประโยชน์จากชาเขียว ส่งเสริมการทำงานด้านความจำ อาจชะลอขบวนการเสื่อมของสมอง
โพลีฟีนอล : ซูเปอร์แอนตี้ออกซิแดนซ์
โพลีฟีนอลเป็นกลุ่มของสารฟลาโวนอยด์ ที่มีประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คาทีชินจัดเป็นสารโพลีฟีนอลประเภทหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งสารสำคัญที่มีการศึกษามากที่สุด คือ EGCG ตัวอย่างการศึกษาเช่น การวิจัยโดยมหาวิทยาลัยแคนซัสได้ทำการทดสอบถึงประสิทธิภาพของสาร EGCG ในเรื่องของการปกป้องเซลล์และสารพันธุกรรมจากอนุมูลอิสระ พบว่า EGCG สามารถป้องกันการทำลายดีเอ็นเอได้ถึง 93% การรับประทานโพลีฟีนอลครั้งละ 400-600 มก. (ชาเขียวประมาณ 14 ถ้วย) ช่วยให้สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง-โพลีฟีนอลในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น และอยู่ในร่ากายได้นานขึ้น นั่นคือ ช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระได้ดีและนาน
สารต้านอนุมูลอิสระจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมฤทธิ์ในการปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่าเครือข่ายสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Network)
คาทีชิน จากสารสกัดจากชาเขียวจะปกป้องรากสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ที่อยู่ภายในเซลล์ขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี จะปกป้องภายนอกเซลล์และองค์ประกอบอื่นๆ ในร่างกาย
ชาเขียวกับสุขภาพหัวใจ
สารคาทิชินที่พบในชาเขียวสามารถลดระดับของคอเลสเตอรอล
ชาเขียวมีบทบาทต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจากการศึกษาพบว่าสารคาทิชินที่พบในชาเขียวสามารถลดระดับของคอเลสเตอรอลและลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลได้อย่างมีนัยสำคัญ
อีกการศึกษาที่ทำการทดลองในประเทศจีน โดยมีจำนวนของผู้ที่เข้าทำการศึกษาจำนวน 240 รายอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่ได้รับชาเขียว ระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ชาเขียวกับการต้านมะเร็ง
ออกฤทธิ์ปกป้องเซลล์เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
สารสำคัญในชาเขียวออกฤทธิ์ปกป้องเซลล์และสารพันธุกรรม ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งโดยไม่มีผลเสียต่อเซลล์ดี จากการศึกษาในชาวญี่ปุ่นจำนวน 8,552 คน พบว่าการดื่มชาเขียวมากกว่า 10 ถ้วยต่อวันช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งและช่วยปกป้องดีเอ็นเอจากการถูกทำลาย ผู้ที่สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่หรือต้องเผชิญกับควันพิษอยู่ประจำนั้น เสี่ยงต่อการเกิดเซลล์มะเร็ง ชาเขียวจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
ชาเขียวกับเบาหวาน
ช่วยให้การเผาผลาญน้ำตาลในเลือดปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ, ความดันสูง, ไขมันในเลือดสูง, หลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งชาเขียวมีส่วนช่วยลดการเกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ เนื่องจากชาเขียวจะช่วยดูแลระดับไขมันในเลือด, ช่วยให้การเผาผลาญน้ำตาลในเลือดปกติ อินซูลิน-ฮอร์โมนช่วยเผาผลาญน้ำตาลทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้เกิดสมดุลของการสะสมไขมันและเผาผลาญไขมัน ที่สำคัญมีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนักเพราะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและขจัดไขมันส่วนเกินในร่างกาย
ชาเขียวกับสุขภาพผิวหนัง
ปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระและแสงยูวี
โดยแผนกโรคผิวหนังแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทำการศึกษาและรายงานว่าสารสกัดจากชาเขียวเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยป้องกันผิวจากการถูกแสงแดดทำลายและอาจส่งเสริมให้มีการซ่อมแซมอิลาสตินขึ้นใหม่เนื่องจากโพลีฟีนอลปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระและแสงยูวีจึงช่วยชลอขบวนการแก่ เสริมสุขภาพผิว รวมทั้งอีลาสติน คอลลาเจน ช่วยให้ผิวนุ่ม สดใสดูอ่อนเยาว์ และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
ชาเขียวกับหุ่นสวย
ช่วยให้เกิดสมดุลของการสะสมไขมันและเผาผลาญไขมัน
จากรายงานการศึกษาพบว่า ชาเขียวช่วยให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญพลังงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกระบวนการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีการเผาไหม้ไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง
ชาเขียวและชาดำต่างกันอย่างไร?
ใบชาที่ใช้ชงดื่มส่วนใหญ่เป็นชาดำแต่ในขบวนการผลิตใบชาดำได้ทำลายสารโพลีฟีนอลในใบชาขณะที่การผลิตใบชาเขียว โพลีฟีนอลจะถูกออกซิไดซ์ในขบวนการผลิตน้อยที่สุด ดังนั้นจึงสามารถรักษาปริมาณโพลีฟีนอล และคุณสมบัติในการดูแลสุขภาพ
คำถามเกี่ยวกับชาเขียวสกัด
ทำไมต้องเป็นสารสกัดจากชาเขียวที่มีโพลีฟีนอล 97%?
ชาเขียวมีประโยชน์มากมาย แต่ในชาเขียวนอกจากโพลีฟีนอลที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ยังมีสารอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้แก่ คาเฟอีน ซึ่งมีผลต่อร่างกายคือ ปวดศีรษะ ปัสสาวะบ่อย ชีพจรเต้นเร็ว ท้องเสีย คลื่นไส้ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย เป็นต้น
ดังนั้นนักวิทยาศาตร์จึงคิดค้นวิธีการเพื่อสกัดสารสำคัญจากชาเขียวให้ได้สูงที่สุด และปราศจากคาเฟอีน โดยทั่วไปในท้องตลาดจะพบชาเขียวสกัดที่มีโพลีฟีนอลประมาณ 50-65% แต่สำหรับชาเขียวสกัดของฟาร์มาเน็กซ์นั้นสามารถสกัดโพลีฟีนอลได้สูงถึง 97% และยังปราศจากคาเฟอีนอีกด้วย จึงรับประทานได้อย่างปลอดภัย ปราศจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ใครควรรับประทานสารสกัดจากชาเขียว?
1. ผู้ที่ต้องการเสริมการปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
2. ผู้ที่อยู่ท่ามกลางมลภาวะเป็นประจำ เช่น อากาศเป็นพิษ และควันบุหรี่
3. ผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรือออกกำลังกายติดต่อกันนาน
4. ผู้ที่ต้องทำงาน หรือเล่น ที่ต้องสัมผัสกับแสงแดดมากขึ้น
ควรรับประทานชาเขียวสกัดวันละกี่มิลลิกรัมจึงได้รับประโยชน์สูงสุด?
1. เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ: รับประทานครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม พร้อมอาหาร เช้า และเย็น
2. เพื่อปกป้องเซลล์ และเพิ่มการเผาผลาญ: รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม พร้อมอาหาร เช้า และเย็น
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชาเขียวสกัดที่มีข้อความระบุว่า "ไม่มีคาเฟอีนในส่วนผสม" มีความเป็นไปได้หรือไม่?
เป็นไปได้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชาเขียวสกัดบางยี่ห้อถูกพิจารณาว่าไม่มีคาเฟอีนในผลิตภัณฑ์ เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดว่าถ้าจำนวนของคาเฟอีนต่ำกว่า 4.4 มก. จะถือว่าไม่มีคาเฟอีนในผลิตภัณฑ์นั้น ดังนั้น หากผลิตภัณฑ์ชาเขียวสกัดมีคาเฟอีนประมาณ 1.5 มก. ก็ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับกาแฟ 1 ถ้วยเล็ก ซึ่งมีคาเฟอีน 100-150 มก.
ฟลาโวนอยด์ ในชาเขียวออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างไร?
ฟลาโวนอยด์ที่พบในชาเขียวจะออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระใน 4 รูปแบบดังนั้น
1. ลดจำนวน หรือลดอันตรายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
2. ให้โมเลกุลไฮโดรเจนเพื่อป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ
3. กำจัดออกซิเจนอนุมูลเดี่ยวที่เป็นอนุมูลอิสระในร่างกาย
4. จับกับโลหะที่เป็นตัวเร่งการสร้างอนุมูลอิสระ เช่นเหล็ก และทองแดง