วัดระดับสารต้านอนุมูลอิสระ
หากคุณเคยมีอาการเหล่านี้นั่นหมายถึงร่างกายคุณอาจกำลังถูกอนุมูลอิสระทำลาย
- ป่วยบ่อย ติดเชื้อง่ายกว่าปกติ หรือเกิดอาการภูมิแพ้บ่อย
- รู้สึกเฉื่อยชา อ่อนเพลีย สมองไม่ฉับไว
- ตื่นนอนพร้อมอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใสเท่าที่ควร
อนุมูลอิสระ คือโมเลกุลตัวร้ายที่มีอยู่รอบตัวเรา ซึ่งอนุมูลอิสระที่ว่านี้ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง โดยภาพประกอบด้านล่างนี้เป็นการชี้วัดค่าระดับสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกายเรา (ไม่ใช่ค่าอนุมูลอิสระ แต่หมายถึงสารที่ต้านอนุมูลอิสระ) หากค่านี้มีมากก็หมายถึงอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงนั้นน้อยมาก ในทางตรงกันข้าม หากค่าระดับสารต้านอนุมูลอิสระน้อย นั่นก็หมายถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงนั้นสูง
ค่าสารต้านอนุมูลอิสระที่วัดได้หมายความว่าอย่างไร?
- ค่าต่ำกว่า 29,000 หมายถึงค่าสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับต่ำ
- รับประทานผัก ผลไม้น้อยหรือไม่หลากหลาย
- ต้องเผชิญกับอนุมูลอิสระ เช่น ควันบุหรี่ แสงแดด มลภาวะ ความเครียด
- มีน้ำหนักเกินหรือไขมันส่วนเกิน
- เสริมอาหารไม่สม่ำเสมอหรือไม่ได้เสริมอาหาร
- ค่าอยู่ระหว่าง 30,000 - 49,000 หมายถึงค่าสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับปานกลาง
- รับประทานผัก ผลไม้ไม่เพียงพอหรือไม่หลากหลายพอ
- ต้องเผชิญกับอนุมูลอิสระ เช่น ควันบุหรี่ แสงแดด มลภาวะ ความเครียด
- มีไขมันส่วนเกินในร่างกาย
- เสริมอาหารไม่สม่ำเสมอ
- ค่าตั้งแต่ 50,000 ขึ้นไปหมายถึงค่าสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในระดับเพียงพอ
- รับประทานผัก ผลไม้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงแหล่งอนุมูลอิสระได้ดี
- ดูแลน้ำหนักและรูปร่างได้ดี
- เสริมอาหารอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
- รับประทานผัก ผลไม้ให้หลากหลายสีสันอย่างน้อย 5 ฝ่ามือทุกวัน หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด ของหมักดอง เค็มจัด หวานจัด
- เสริมวิตามิน เกลือแร่ และสารสกัดจากผักผลไม้ หรือ เครื่องดื่มสุดยอดผลไม้เข้มข้น เป็นประจำ สม่ำเสมอ
- ดูแลรูปร่าง ควบคุมน้ำหนัก ขจัดไขมันส่วนเกิน
- จัดการความเครียด หลีกเลี่ยงแหล่งอนุมูลอิสระ เช่น มลภาวะ ควันบุหรี่ แสงแดด